Page 19 - InsuranceJournal112
P. 19
ประกันภัยให้มีขนาดใหญ่ข้น ซ่งเป็นการ รายได้ ซึ่งเงินส�ารองเบี้ยประกันภัยตาม
ึ
ึ
ส่งเสริมความมั่นคงของธุรกิจประกันภัย มาตรานี้ เสมือนเบี้ยประกันรับล่วงหน้า
ึ
และลดจานวนของบริษัทขนาดเล็กลง ซ่งสอดคล้องกับมาตรฐานการบัญชีจึง
�
�
�
ั
ตามนโยบายของคณะกรรมการกากบ ไม่ควรนามาเป็นรายได้ของกิจการเดิม
ึ
และส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย ซ่งเกิดจากการเลิกกิจการเน่องจากการ
ื
(คปภ.) อาจจะมีปัญหาซึ่งนับถึงปัจจุบัน ควบรวมดังกล่าว รวมทั้งเงินส�ารองเบี้ย
ี
ั
ี
ปรากฏชัดเจนว่ามีบริษัทจดทะเบียนเป็น ประกนภัยท่โอนให้บริษัทใหม่ท่เกิดจาก
บริษัทมหาชนเพียงส่วนหน่งเท่าน้น ท้งท การควบ/รวมกิจการก็ถือเป็นรายได้รับ
ั
่
ึ
ี
ั
�
ี
เวลาท่กฎหมายกาหนดคงเหลือเพียง 1 ปี ล่วงหน้าที่จะต้องรับรู้ตามภาระความรับ
ดังน้น มาตรการหน่งท่จะช่วยจูงใจ ผิดต่อกรมธรรม์ต่อไปอยู่แล้ว
ี
ั
ึ
ึ
ให้เกิดข้น คือ มาตรการส่งเสริมด้วยแรง ข้อสรุป คือ การควบรวมกิจการ
ิ
ื
จูงใจด้านภาษีซ่งเป็นอุปสรรคอย่างย่ง และ เป็นการดาเนินการของบริษัทเพ่อให้เป็น
�
ึ
�
�
สานักงาน คปภ. ก็เคยสนับสนุนโดยเสนอ ไปตามแนวนโยบายของหน่วยงานกากับ
ื
แนวทางแก้ไขบทบัญญัติตามกฎหมาย มิได้มีเจตนาเพ่อมุ่งหวังประโยชน์อ่นใด
ื
ั
ของกรมสรรพากรหลายประการแต่ต้อง การควบรวมกิจการเป็นการรวมท้งสิทธ ิ
่
ี
ี
ระงับไปด้วยการเปล่ยนแปลงรัฐบาล และหน้าทตามประมวลกฎหมายแพ่ง
ั
้
ึ
ั
ี
้
ิ
่
ื
ึ
ดงนน จงควรหยบยกเรองนขนมา และพาณิชย์และกฎหมายมหาชนอยู่แล้ว
้
ทบทวนอีกคร้งหน่งโดยการเสนอแก้ไข ดังน้น กรมสรรพากรซ่งเป็นหน่วยงานรับ
ั
ึ
ึ
ั
ี
ี
ี
ประมวลรัษฎากรและประกาศท่เก่ยวข้อง ผิดชอบด้านภาษีควรท่จะต้องช่วยสนับสนุน
ดังนี้ และช่วยส่งเสริมแรงจูงใจดังกล่าว รวมท้ง
ั
�
2.1 หากมีการควบรวมกิจการ ข้อเสนอข้างต้นก็มิได้ทาให้กรมสรรพากร
ื
ี
ื
ต้องย่นรายการเพ่อเสียภาษีเงินได้นิติบุคคล ต้องเสียผลประโยชน์จากภาษีเงินได้ท่ได้รับ
�
ี
ของบริษัทเดิมเหมือนการช�าระบัญชี อยู่เดิม ผลประโยชน์ท่สาคัญอีกประการ
ื
ึ
ิ
่
ิ
กรณีดังกล่าวกรมสรรพากรควร หนงคอ ไม่ต้องดงเงนจากต่างชาตมา
ึ
ื
่
ุ
ิ
่
ิ
ื
่
ิ
ั
กาหนดแนวปฏบตให้การตรวจสอบเพอ เพอเพมขนาดเงนกองทนของบรษทให้
�
ั
ิ
ิ
ั
ชาระบัญชีบริษัทเดิมให้รวดเร็วข้น ท้งน เป็นบริษัทมหาชน ตาม พ.ร.บ. ประกัน
�
ี
้
ึ
ื
ี
เน่องจากบริษัทมหาชนใหม่ท่รับโอนมา วินาศภัย พ.ศ. 2535 (ฉบับที่ 2) แก้ไข
ั
ท้งสิทธิและหน้าท่ต้องรับผิดชอบอยู่แล้ว เพ่มเตมปี 2551 รวมท้งเป็นการเพม
ิ
่
ิ
ี
ั
ิ
รวมเปนรายไดเพอเสยภาษเงนไดนตบคคล 2.2 อนุญาตให้นาผลขาดทุน ความแข็งแกร่งตามหลักการกากับดูแล
็
ิ
้
ี
่
ื
้
ิ
ี
ุ
ิ
�
�
ึ
ของตน ซ่งเท่ากับต้องเสียภาษีเงินได้จาก สุทธิของบริษัทเดิมมาถือเป็นรายจ่ายใน กิจการด้วยเงินกองทุนตาม Risk Based
ั
ั
ึ
้
ี
่
้
้
�
รายไดรบล่วงหน้า ตามทไดบนทกไวใน การคานวณกาไรสุทธิหรือขาดทุนสุทธ Capital (RBC) ของคณะกรรมการกากับ
ิ
�
�
ื
บัญชีของบริษัทเดิมและแม้ว่าสรรพากร ของบริษัทมหาชนใหม่เพ่อเสียภาษีของ และส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย
ี
จะยอมให้ถือว่าเป็นภาษีจ่ายล่วงหน้า กิจการซ่งเดิมก็สามารถทาได้อยู่แล้ว การ และเนองจากใกล้จะครบกาหนดเวลาท
ึ
ื
�
�
่
่
ี
(Deferred Tax) ของบริษัทใหม่ก็ตาม ห้ามดังกล่าวเป็นการรอนสิทธิเดิมท่บริษัท พ.ร.บ. ประกันวินาศภัย ได้ก�าหนดไว้ใน
แต่ก็ต้องรอทยอยตัดจ่ายในปีต่อไป มีอยู่ เน่องจากปัจจุบันมีบริษัทประกัน ปี 2556 หน่วยงานท่เก่ยวข้องท้งกรม
ั
ื
ี
ี
ี
2. ข้อเสนอมำตรกำรจูงใจทำง วินาศภัยหลายรายท่มีผลขาดทุนสะสมจึง สรรพากร ส�านักงาน คปภ. และสมาคม
ื
ั
ภำษีเพ่อส่งเสริมควำมม่นคงด้วยกำร ไม่เป็นแรงจูงใจให้บริษัทควบรวมกิจการ ประกันวินาศภัย ควรที่จะผลักดัน และ
ควบรวมกิจกำร 2.3 ยกเลิกการกาหนดให้ต้อง เร่งดาเนินการเพ่อเพ่มแรงจูงใจในการ
�
�
ิ
ื
�
จากปัญหาอุปสรรคต่างๆ ที่เป็น นาเงนสารองซงได้กนไว้ในรอบระยะเวลา ส่งเสริมการควบรวมกิจการของบริษัท
่
ั
ึ
ิ
�
ผลกระทบต่อการตัดสินใจควบรวมกิจการ บัญชีก่อน ตามมาตรา 65ตรี(1) เฉพาะ ประกันวินาศภัยให้ทันตามก�าหนด
�
ี
เพื่อเพิ่มขนาดของเงินกองทุนของบริษัท ส่วนท่ยังมิได้นามาเป็นรายได้มารวมเป็น
19