Page 33 - InsuranceJournal115
P. 33
�
้
ุ
ฎี ก า ย่ อ แ ล ะ ย่ อ ค า ช ข า ด อ น ญ า โ ต ฯ
ี
ค�าพิพากษาศาลฎีกาที่ 6002/2549
โจทก์ บริษัท ว.ประกันภัย จ�ากัด
จ�าเลย นายอนุรัตน์ หรือ ชลิต ปิติสานนท์ กับพวก
แพ่ง ประนีประนอมยอมความ
ผลการประนีประนอมยอมความ (มาตรา 850, 852)
ี
่
โจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำาเลยท 1 และท 3 ร่วมกันหรือแทน ลูกหนี้ร่วมกับจำาเลยที่ 1 ยอมรับกันรับผิดชดใช้เงิน 446,855.47
ี
่
้
้
กันชดใชเงินจำานวน 485,955.32 บาท พรอมดอกเบี้ยอัตรารอยละ บาท แก่โจทก์ ตามสัญญาประนีประนอมยอมความเอกสารหมาย
้
่
ี
7.5 ต่อปี ของต้นเงินจำานวน 446,855.47 บาท นับถัดจากวันฟ้อง จ.7 คดีมีปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาของโจทก์ว่าจำาเลยท 2 ต้องรับ
เป็นต้นไปจนกว่าจะชำาระเสร็จ และให้จำาเลยท 2 ร่วมกันหรือแทน ผิดต่อโจทก์ตามหนังสือคำ้าประกันเอกสารหมาย จ.6 หรือไม่ ศาล
่
ี
กันกับจำาเลยที่ 1 ชดใช้เงินจำานวน 300,000 บาท พร้อมดอกเบี้ย ฎีกาเห็นว่าแม้ข้อความที่จำาเลยที่ 1 และจำาเลยที่ 3 ตกลงกับโจทก์
ื
อัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี นับถัดจากวันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจะชำาระ จะระบุว่าเป็นสัญญาประนีประนอมยอมความก็ตาม แต่เม่อสัญญา
เสร็จแก่โจทก์ ดังกล่าวมีข้อความระบุว่า จำาเลยที่ 1 ยอมรับว่า ได้เรียกเก็บเงิน
ี
จำาเลยที่ 1 และที่ 3 ขาดนัดยื่นคำาให้การ ค่าเบ้ยประกันภัยจากผู้เอาประกันภัยไว้แล้วมิได้นำาส่งให้โจทก์เป็น
ั
ิ
จำาเลยที่ 2 ให้การปฏิเสธ ขอให้ยกฟ้อง จำานวนเงินท้งส้น 446,855.47 บาท ขอยอมรับผิดชดใช้เงินจำานวน
ั
จำาเลยที่ 2 ขาดนัดพิจารณา ดังกล่าวคืนโจทก์ และขอผ่อนชำาระหน้ให้โจทก์โดยส่งจ่ายเช็คชำาระ
ี
ึ
ี
่
ี
ี
ี
่
ั
ศาลช้นต้นพิพากษาให้จำาเลยท 1 และท 3 ร่วมกันหรือแทน หน้รวม 6 งวด งวดแรกชำาระในวันรุ่งข้น ส่วนท่เหลือชำาระในเดือน
กันใช้เงินจำานวน 485,955.32 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ ต่อๆ ไป โดยไม่มีข้อความที่แสดงให้เห็นเจตนาของจำาเลยที่ 1 กับ
7.5 ต่อปี ของต้นเงินจำานวน 446,855.47 บาท นับถัดจากวันฟ้อง โจทก์ที่จะตกลงระงับข้อพิพาทที่มีอยู่ด้วยต่างยอมผ่อนผันให้แก่กัน
ั
ี
ิ
(ฟ้องวันที่ 10 สิงหาคม 2544) เป็นต้นไปจนกว่าจะชำาระเสร็จแก่ ขอตกลงดงกล่าวจงมใชสญญาประนประนอมยอมความอนจะทำาให้
้
่
ั
ั
ึ
โจทก์ ให้ยกฟ้องสำาหรับจำาเลยที่ 2 หนี้ตามสัญญาตัวแทนระงับสิ้นไป ตามประมวลกฎหมายแพ่งและ
โจทก์อุทธรณ์ พาณิชย์ มาตรา 850 และ 852 จำาเลยที่ 2 ในฐานะผู้คำ้าประกัน
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน จึงไม่หลุดพ้นจากความรับผิดในหน้ตามสัญญาตัวแทน ดังท่ศาล
ี
ี
โจทก์ฎีกา อุทธรณ์วินิจฉัย ฎีกาของโจทก์ฟังขึ้น กรณีไม่จำาต้องวินิจฉัยฎีกาข้อ
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ข้อเท็จจริงเบ้องต้นฟังเป็นยุติได้ว่า อื่นของโจทก์ เพราะไม่ทำาให้ผลของคดีเปลี่ยนแปลงไป”
ื
โจทก์กับจำาเลยที่ 1 ทำาสัญญาตัวแทนตามเอกสารหมาย จ.5 โดย พิพากษาแก้เป็นว่า ให้จำาเลยที่ 2 ร่วมรับผิดชำาระหนี้กับ
้
่
์
็
โจทกแตงตั้งจำาเลยที่ 1 ใหเปนตัวแทนทำาหน้าที่ชักชวนลูกคามาทำา จำาเลยที่ 1 และที่ 3 จำานวน 300,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตรา
้
สัญญาประกันวินาศภัยและรับเงินค่าเบ้ยประกันภัยจากลูกจ้างผู้เอา ร้อยละ 7.5 ต่อปี จากต้นเงินจำานวนดังกล่าว นับถัดจากวันฟ้อง
ี
ประกันภัยนำาส่งโจทก์ จำาเลยที่ 2 เป็นผู้คำ้าประกันจำาเลยที่ 1 ต่อ เป็นต้นไปจนกว่าจะชำาระเสร็จ กับให้จำาเลยที่ 2 ร่วมรับผิดในค่า
โจทก์ โดยยอมรับผิดอย่างลูกหนี้ร่วม หากจำาเลยที่ 1 กระทำาความ ฤชาธรรมเนียมในศาลชั้นต้นแทนโจทก์ เฉพาะค่าขึ้นศาลให้คิดใน
เสียหายแก่โจทก์เกี่ยวกับการเป็นตัวแทน จำาเลยที่ 2 ย่อมร่วมรับ ทุนทรัพย์ที่โจทก์ชนะคดีต่อจำาเลยที่ 2 ในชั้นฎีกา นอกจากที่แก้คง
ผิดในวงเงิน 300,000 บาท ตามหนังสือคำ้าประกันเอกสารหมาย ให้เป็นไปตามคำาพิพากษาศาลอุทธรณ์
จ.6 ระหว่างเดือนพฤศจิกายน 2542 ถึงปลายเดือนกุมภาพันธ์
2543 จำาเลยที่ 1 เก็บเงินค่าเบี้ยประกันภัยจากลูกค้าผู้เอาประกัน
ภัยจำานวน 33 ราย เป็นเงินรวม 446,855.47 บาท แล้วไม่นำาส่ง
มอบให้โจทก์ ต่อมาวันที่ 27 เมษายน 2543 จำาเลยที่ 1 ทำาสัญญา (มนตรี ยอดปัญญา-เรวัตร อิศราภรณ์-ประทีป เฉลิมภัทรกุล)
ศรัญวรรณ โชตินิมิตรคุณ - ย่อ
ประนีประนอมยอมความกับโจทก์ โดยมีจำาเลยที่ 3 ตกลงเข้าเป็น สมเกียรติ เจริญสวรรค์ - ตรวจ
33
Newsleter ��������� Vol.115.indd 33 8/29/12 5:03 PM