Page 7 - InsuranceJournal150
P. 7
ื
เร่องเด่น
อย่างไรก็ตาม ตั้งแต่ต้นปี 2564 พบผู้ติดเชื้อโควิด-19 รายเดือนเพิ่ม ต้งแต่เดือนมีนาคม 2563 ถึง มีนาคม 2564 ส่งผลให้บริษัทประกันภัย
ั
ขึ้นเป็นหลักหมื่น จนถึงตั้งแต่เดือนพฤษภาคมเป็นต้นมามีจ�านวนผู้ติดเชื้อ บางบริษัทหยุดจ�าหน่ายประกันภัยโควิด-19 นอกจากนี้ ยังพบความเสี่ยง
ื
โควิด-19 แตะระดับเกือบแสนรายต่อเดือน และข้อมูลล่าสุดเดือนกรกฎาคม เพ่มเติมในเร่องการฉ้อฉลในประกันภัย ในช่วงเดือนมิถุนายน 2564
ิ
ื
ื
ถึง ณ วันที่ 21 กรกฎาคม 2564 มีจ�านวนผู้ติดเชื้อโควิด-19 เกินหนึ่งแสน พบการแชร์ข้อมูลในโซเชียลเชิญชวนเชิงจงใจให้ติดเช้อโควิด-19 เพ่อ
ี
ิ
�
ื
ห้าหม่นราย จึงนับได้ว่าเป็นการเพ่มความเส่ยงต่อการสร้างกาไรในการ เรียกร้องค่าสินไหมทดแทนจากประกันภัยโควิด-19 ทั้งนี้ ส�านักงาน คปภ.
ื
�
ิ
รับประกันภัยโควิด-19 ทั้งนี้ จากการเปิดเผยข้อมูลของ ส�านักงาน คปภ. ได้ดาเนินการเพ่มมาตรการเพ่อป้องกันการฉ้อฉลในประกันภัยโควิด-19
ตามตารางที่ 3 พบว่าจ�านวนค่าสินไหมทดแทนในระยะสามเดือน (เดือน เพื่อให้การด�าเนินธุรกิจประกันภัยเป็นไปอย่างโปร่งใส
ิ
เมษายน ถึง มิถุนายน 2564) เพ่มข้น 797.2% จากช่วงระยะเวลา 13 เดือน
ึ
ี
ตารางท่ 3: ตารางเปรียบเทียบข้อมูลประกันภัยโควิด-19 เดือนมีนาคม 2563 ถึง มิถุนายน 2564
มีนาคม 2563 เมษายน
ข้อมูล รวม
ถึง มีนาคม 2564 ถึง มิถุนายน 2564
ี
เบ้ยประกันภัยรับโดยตรง (ล้านบาท) 4,950 4,120 9,070
ยอดค่าสินไหมทดแทน (ล้านบาท) 170.48 1,529.52 1,700
ี
ท่มา: https://www.bangkokbiznews.com/news/detail/945930
ิ
�
จากจ�านวนผู้ติดเชื้อโควิด-19 และค่าสินไหมทดแทนของประกันภัย วนท่ 16 มถุนายน 2564 แต่สัดส่วนผ้ได้รับวัคซีนเข็มท่ 1 ยังอยในระดับตา
ี
ั
ู่
ี
ู
่
ี
�
โควิด-19 ท่เพ่มข้นเป็นอย่างมาก ส่งผลให้ผลกาไรจากการรับประกันภัย อยู่ท่ 17.06% จากจานวนผู้ได้รับวัคซีนโควิด-19 แบบสะสม ต้งแต่วันท่ 28
ี
ั
ี
�
ึ
ิ
ื
ี
ี
ี
�
โควิด-19 อยู่ในระดับท่จากัด การคาดหวังผลกาไรจากการรับประกันภัย กุมภาพันธ์ ถึง 20 กรกฎาคม 2564 ดังท่แสดงข้อมูลในตารางท่ 4 เน่องด้วยความ
�
จึงควรมาจากการรับประกันภัยประเภทอื่น ๆ ดังเช่นก่อนช่วงการระบาด ไม่แน่นอนในปริมาณและระยะเวลาการจัดส่งวัคซีน ทั้งนี้ KKP Research
ของโควิด-19 ซ่งการจะสร้างสภาวะให้เป็นเหมือนก่อนการระบาดของ ได้ตั้งสมมติฐานอัตราการแพร่กระจายของเชื้อโควิด-19 (R0 = 2.5) และ
ึ
ั
�
โควิด-19 น้น ประเทศไทยจาเป็นจะต้องสร้างภูมิคุ้มกันหมู่ให้ได้เร็วท่สุด ประสิทธิผลของวัคซีน AstraZeneca ที่ 70% ซึ่งเป็นวัคซีนหลักที่รัฐบาล
ี
จากบทวิเคราะห์ของเกียรตินาคินภัทร (KKP Research) ประเทศที่ได้รับ ไทยเลือกใช้และมีประสิทธิผลค่อนข้างตากว่าวัคซีนหลายตัวท่ใช้ใน
่
�
ี
การฉีดวัคซีนในปริมาณสูง คาดการณ์ได้ว่าจะเข้าสู่สภาวะภูมิคุ้มกันหมู่ ต่างประเทศ หากต้องการให้ประชากรไทยมีภูมิคุ้มกันได้มากพอที่จะเข้าสู่
�
และจะทาให้สามารถกลับมาเปิดประเทศและเศรษฐกิจกลับมาขยายตัวได้ด ี ภาวะภูมิคุ้มกันหมู่ จ�าเป็นต้องฉีดวัคซีนถึง 85% ของคนไทยทั้งหมด หรือ
เช่น สหรัฐอเมริกา คาดว่าจะเข้าสู่สภาวะภูมิคุ้มกันหมู่ในไตรมาสท่ 2-3 ประมาณ 60 ล้านคน ซึ่งหมายถึงประเทศไทยต้องการวัคซีนมากกว่า 100
ี
ประเทศในยุโรปคาดว่าจะเข้าสู่สภาวะภูมิคุ้มกันหมู่ช่วงไตรมาสท่ 3-4 ล้านโดส เทียบกับท่รัฐบาลคาดว่าจะจัดหามาได้ 65 ล้านโดส ท่จะครอบคลุม
ี
ี
ี
ดังแสดงในรูปที่ 3 ประมาณ 50% ของประชากรภายในปี 2564 ซึ่งต้องเร่งฉีดวัคซีนให้ได้ถึง
ื
ี
ั
วนละ 300,000 โดสในอก 7 เดอนข้างหน้า ดงนน KKP Research จง ึ
ั
้
ั
ส�าหรับประเทศไทย ภาครัฐได้ตั้งเป้าหมายการฉีดวัคซีนเข็มที่ 1 ให้ ประเมินว่าประเทศไทยอาจต้องใช้เวลาถึงกลางปี 2565 กว่าที่จะสามารถ
ุ
ครอบคลมประชาชน 50 ล้านคน และเปิดประเทศภายใน 120 วน นบจาก เข้าสู่ภาวะภูมิคุ้มกันหมู่ได้และเศรษฐกิจจะฟื้นตัวได้อย่างเต็มที่
ั
ั
วารสารประกันภัย ฉบับที่ 150 7