Page 33 - InsuranceJournal113
P. 33
ย่อค�าชี้ขาด
อนุญาโตตุลาการ
สมาคมประกันวินาศภัย
ค�าพิพากษาฎีกาที่ 1215/2502 ค�าพิพากษาฎีกาที่ 1732/2503
โจทก์ บริษัท ศ. จ�ากัด โจทก์ นางสาว ย.
โดยนาย ข. กรรมการ จ�าเลย บริษัท พ.
จ�าเลย บริษัท ค. จ�ากัด โดยนาย ท. ประธานกรรมการ
ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 132, 867, ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 113, 194
868, 883 ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 55
โจทก์ฟ้องว่า จ�าเลยได้รับประกันสินค้าของโจทก์ ซึ่งจะ ได้ความว่า โจทก์ได้เอารถยนต์ประกันภัยไว้กับจ�าเลย โดย
ึ
ท�าการขนส่งโดยทางเรือ “ไทยล�าเลียง 14” เรือไทยล�าเลียง 14 จ�าเลยตกลงว่า หากเกิดอัคคีภัยข้นแก่รถยนต์คันน้นจาเลยจะใช้ค่า
�
ั
ได้ถูกพายุพัดหนักอับปางในเส้นทางเดินเรือ สินค้าของโจทก์ซ่ง สินไหมทดแทนให้ 30,000 บาท ระหว่างอายุสัญญาไฟไหม้รถยนต์
ึ
จ�าเลยรับประกันไว้สูญหายไปสิ้น เสียหายหมดทั้งคัน
ั
�
ี
ิ
โจทก์จึงฟ้องขอให้จ�าเลยใช้เงิน ศาลฎีกาพพากษายืนตามศาลท้งสองให้จาเลยใช้ค่าเสยหาย
จ�าเลยให้การปฏิเสธและต่อสู้ว่า โจทก์ไม่ได้ทาค�าเรียก หรือค่าสินไหมทดแทนเป็นเงิน 30,000 บาท พร้อมทั้งดอกเบี้ยใน
�
ึ
ั
�
�
�
ร้องไปยังเจ้าของเรือ และมิได้ส่งสาเนาคาเรียกร้องมายังจาเลย อัตราร้อยละเจ็ดคร่งต่อปี ต้งแต่วันฟ้องจนกว่าจะใช้เงินเสร็จให้โจทก์
�
�
ี
ตามกรมธรรม์ประกันภัย โจทก์ทาผิดข้อตกลง จ�าเลยไม่ต้องรับผิด ข้อกฎหมายท่จาเลยฎีกาคัดค้านว่า ในสัญญาได้ระบ ุ
ื
�
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้โจทก์ชนะคดี เง่อนไขพิเศษไว้ว่า ข้อพิพาทระหว่างโจทก์จาเลยจะต้องมอบให้
�
ี
จ�าเลยอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับให้ยกฟ้องโจทก์ อนุญาโตตุลาการช้ขาดเสียก่อนท่จะดาเนินคดีฟ้องร้อง และถ้า
ี
ี
โจทก์ฎีกา ไม่มีการเสนอให้อนุญาโตตุลาการช้ขาดตัดสินภายใน 12 เดือน
ศาลฎีกาเห็นว่า ในกรมธรรม์ประกันภัยมีว่า “บริษัท (คือ แล้ว สิทธิเรียกร้องระหว่างโจทก์จาเลยให้ถือว่าสละเสียแล้วโดย
�
จ�าเลย) จะไม่ยอมรับข้อเรียกร้องใดๆ เว้นไว้แต่จะได้มีการแจ้ง ไม่มีเงื่อนไขข้อแม้ใดๆ ทั้งสิ้น และจะน�ามาเรียกร้องกับจ�าเลยอีก
ี
ั
ั
ความโดยทนทีแก่ผู้ท่กล่าวนามข้างใต้น และได้รบรายงานการ ในภายหลังไม่ได้นั้น ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า เมื่อมีหนี้จะต้องรับผิดเกิด
้
ี
ึ
�
ส�ารวจแล้วในกรณีความสูญหายหรือบุบสลายนั้น ให้ท�าข้อเรียก ข้นแล้วคู่กรณีย่อมมีสิทธินาคดีมาฟ้องศาลได้ การตกลงตัดสิทธิไม่ให้
ี
ร้องเป็นลายลักษณ์อักษรโดยทันทีต่อเรือหรือผู้ขนส่งอื่น และให ้ น�าคดีมาสู่ศาลย่อมเป็นโมฆะ ข้อตกลงดังว่าน้ย่อมไม่มีผล ส่วนการ
ื
ั
ี
ี
แนบข้อเรียกร้อง และคาตอบข้อเรียกร้องไปกับข้อเรียกร้องใดท่ได้ ตกลงเร่องอนุญาโตตุลาการกันไว้ดังเช่นในคดีน้น้นจะมีผลประการ
�
ี
้
เสนอตามกรมธรรม์ประกันภัยน ฯลฯ” ศาลฎีกาเห็นว่า ข้อความน ี ้ ใดก็ย่อมแล้วแต่ว่าเป็นการตัดสิทธิมิให้น�าคดีมาฟ้องหรือไม่ หากมี
ี
มิใช่ข้อกาหนดท่ยกเว้นหรือจากัดความรับผิดของจาเลยแต่ประการ ทางท่หวังว่าคดีอาจเสร็จไปได้โดยทางอนุญาโตตุลาการ ก็เพียงเป็น
ี
�
�
�
ี
ื
ี
ี
�
ี
�
ี
ี
ิ
ใด หากเป็นเพยงข้อกาหนดเร่องระเบยบปฏบัติในการท่จะเสนอข้อ เหตุขอให้งดการพิจารณาคดีน้ไว้ก่อน อย่างไรก็ด ในคดีน้จาเลยเอง
ั
�
ั
�
ื
เรียกร้องต่อจาเลยเพ่อขอรับเงินประกันภัยน้นควรจะต้องมีอะไร ก็ไม่ได้ดาเนินการขอให้มีการต้งอนุญาโตตุลาการประการใด ข้อตัด
ั
เสนอไปพร้อมๆ กัน และตามพฤติการณ์ท้งหลายแสดงให้เห็น ฟ้องข้อนี้ของจ�าเลยฟังไม่ขึ้น
ว่า จ�าเลยมิได้ถือเอาข้อก�าหนดเป็นสาระส�าคัญส�าหรับวิธีปฏิบัติ
การเสนอค�าเรียกร้องของโจทก์ และจ�าเลยเต็มใจยอมรับค�าเรียก (สารนัย ประสาสน์-พิบูลย์ ไอศวรรย์-เชื้อ คงคากุล)
ร้องของโจทก์ไว้ ดังน้น ค�าเรียกร้องของโจทก์ท่เสนอต่อจาเลยน้น
ั
ี
ั
�
เป็นไปโดยชอบแล้วโจทก์มีสิทธิฟ้องจ�าเลยโดยสมบูรณ์
พิพากษากลับ ให้บังคับคดีไปตามศาลชั้นต้น
(ดุลยทรรศน์ ปฏิภาณ-วุฒิศักด์ เนตินาท-สอาด นาวีเจริญ)
ิ
33