Page 33 - InsuranceJournal116
P. 33
ค�ำพิพำกษำศำลฎีกำที่ 1822/2550
โจทก์ บริษัทเอกเกษตรทรำนสปอร์ต จ�ำกัด
จ�ำเลย บริษัท ส.ประกันภัย จ�ำกัด
แพ่ง ประกันภัย กรมธรรม์ประกันภัย
(มำตรำ 861, 867)
โจทก์ฟ้องว่า โจทก์เป็นเจ้าของรถยนต์บรรทุก 10 ล้อ ไว้ได้รับความเสียหาย โดยรถยนต์บรรทุกได้รับความเสียหายท ี่
�
�
โจทก์ทาสัญญาประกันภัยรถยนต์บรรทุกคันดังกล่าวไว้กับจาเลย บริเวณล้อหลังส่วนหน้าข้างซ้าย มีปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกา
�
�
ต่อมา ระหว่างที่กรมธรรม์ประกันภัยมีผลใช้บังคับ รถยนต์ที่ ของจาเลยว่า จาเลยต้องรับผิดต่อโจทก์ตามกรมธรรม์ประกันภัย
�
ื
�
�
ุ
่
์
เอาประกันภัยเกิดอุบัติเหตุชนการ์ดเลนคอสะพานทาให้รถยนต์ หรอไม่ จาเลยฎกาวา โจทกนารถยนต์บรรทกไปพ่วงรถพวงแล้ว
ี
่
ที่เอาประกันภัยและการ์ดเลนคอสะพานได้รับความเสียหาย เกิดอุบัติเหตุเป็นการผิดเงื่อนไขในกรมธรรม์ประกันภัย จ�าเลย
โจทก์เสียค่าซ่อมการ์ดคอสะพานให้แก่กรมทางหลวง 39,682 จึงไม่ต้องรับผิด เห็นว่าสัญญาประกันภัยระหว่างโจทก์ ผู้เอา
�
�
บาท ค่าซ่อมรถยนต์บรรทุก 177,639 บาท ค่าขาดประโยชน์ ประกันภัยและจาเลย ผู้รับประกันภัย ได้กาหนดถึงการคุ้มครอง
300,000 บาท รวมเป็นเงิน 517,321 บาท แต่จ�าเลยไม่ชดใช้ รับผิดไว้ในสัญญาหมวดที่ 2 ส่วนที่ 2 การคุ้มครองความรับ
ค่าเสียหายให้แก่โจทก์ตามสัญญา ขอให้บังคับจ�าเลยชดใช้เงิน ผิดต่อบุคคลภายนอก และหมวดที่ 3 การคุ้มครองความเสีย
้
้
่
่
จ�านวน 517,321 บาท พร้อมดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 7.5 ต่อ หายตอรถยนตตามสัญญาประกันภัย แตก็ไดก�าหนดขอยกเว้น
์
ปี นับตั้งแต่วันฟ้องจนกว่าจะช�าระเสร็จ ความรับผิดไว้หลายประการ ซึ่งตามข้อ 2.11.4 และ 3.9.1
จ�าเลยให้การว่า จาเลยรับประกันภัยโดยระบุลักษณะ ไม่คุ้มครองความรับผิดอันเกิดจากการใช้ลากจูงหรือผลักดัน
�
�
ตัวรถว่าเป็นแบบกระบะตั้มบรรทุก จาเลยมิได้รับประกันภัย เว้นแต่รถที่ถูกลากจูงหรือถูกผลักดันได้ประกันภัยไว้กับบริษัท
พ่วง ขณะเกิดเหตุรถยนต์คันดังกล่าวได้พ่วงรถพ่วงไปด้วย แสดงให้เห็นว่า ตามกรมธรรม์ประกันภัยจ�าเลยไม่ประสงค์จะ
ี่
ซึ่งเงื่อนไขกรมธรรม์ไม่คุ้มครองความรับผิดอันเกิดจากการใช้ คุ้มครองถึงกรณีทมีการใช้รถยนต์ทเอาประกันภัยไปลากจูงหรือ
ี่
�
ลากจูงหรือผลักดัน จาเลยจึงไม่ต้องรับผิดชดใช้ค่าซ่อมการ์ด ผลักดัน อันทาให้เกิดความเสยงมากขน ซงหากผู้เอาประกันภัย
ึ่
ี่
ึ้
�
เลนคอสะพาน ทั้งไม่ต้องรับผิดชอบต่อความเสียหายจาการ ประสงค์จะให้คุ้มครองถึงส่วนที่ลากจูง ก็จะต้องแจ้งความ
�
ใช้รถยนต์ผิดเงื่อนไข นอกจากนี้ รถยนต์ที่จ�าเลยรับประกันภัย จ�านงให้ชัดเจนเพื่อผู้รับประกันภัยจะได้กาหนดเบี้ยประกันให้
ไม่ได้เสียหาย แต่ส่วนที่เสียหายนั้นเป็นรถพ่วงขอให้ยกฟ้อง พอเหมาะกับความเสี่ยงที่มากขึ้นนั้น ดังนั้น การที่โจทก์น�ารถ
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จ�าเลยช�าระเงิน 217,321 บาท พร้อม ที่เอาประกันภัยไปลากจูงรถพ่วงอีกคันหนึ่งจึงเป็นการกระทา
�
ดอกเบี้ยค�าขออื่นให้ยก เข้าข้อยกเว้นความรับผิดของจ�าเลย จ�าเลยจึงไม่ต้องรับผิดต่อ
โจทก์และจ�าเลยอุทธรณ์ โจทก์ ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 6 พิพากษามานั้น ศาลฎีกาไม่เห็น
ศาลอุทธรณ์ภาค 6 พิพากษายืน พ้องด้วย ฎีกาของจ�าเลยฟังขึ้น”
จ�าเลยฎีกา พิพากษากลับ ให้ยกฟ้อง
ศาลฎีกาแผนกคดีพาณิชย์และเศรษฐกิจวินิจฉัยว่า “โจทก์
น�ารถยนต์บรรทุก 10 ล้อ ประกันภัยไว้กับจ�าเลยในระหว่าง
อายุสัญญาประกันภัย ลูกจ้างของโจทก์ขับรถยนต์บรรทุกคันดัง
กล่าวโดยมีรถพ่วงอยู่ด้วยไปเกิดอุบัติเหตุชนการ์ดเลนคอสะพาน (พีรพล พิชยวัฒน์ - สุรพล เจียมจูไร - เฉลิมศักดิ์ บุญยงค์)
ยงยุทธ โสพิลา - ย่อ
เป็นเหตุให้การ์ดเลนคอสะพานและรถยนต์บรรทุกมีประกันภัย อาทิตย์ สวาวสุ - ตรวจ
33