Page 34 - InsuranceJournal119
P. 34
ี
�
ฎี ก า ย่ อ แ ล ะ ย่ อ ค า ช้ ข า ด อ นุ ญ า โ ต ฯ
ค�าพิพากษาศาลฎีกาที่ 4857/2549
โจทก์ ห้างหุ้นส่วนจ�ากัดเซอร์ไพรซ์การช่าง
จ�าเลย บริษัท ล.ประกันภัย จ�ากัด
ป.พ.พ. มาตรา 193/34, 193/12, 193/14, 602
็
โจทก์ฟ้องว่า จำาเลยประกอบธุรกิจประกันวินาศภัยทุกประเภท เปนต้นไป” และมาตรา 602 วรรคหนึ่ง บัญญัติวา “อันสินจ้างนั้นพึง
่
จำาเลยในฐานะผู้รับประกันภัยมีหน้าท่ซ่อมแซมรถยนต์ท่ได้รับความเสีย ใช้ให้เมื่อรับมอบการที่ทำา” เมื่อปรากฏว่าโจทก์ได้ซ่อมรถยนต์ตามคำา
ี
ี
หายจากวินาศภัยให้แก่ลูกค้าหรือบุคคลท่จำาเลยต้องรับผิดซ่อมแซมให้ ส่งของจำาเลย และได้ส่งมอบรถยนต์ที่ซ่อมเสร็จให้แก่ผู้ท่นำารถยนต์มา
ี
ี
ั
เม่อเดือนกรกฎาคม 2533 โจทก์เข้าเป็นอู่ในเครือของจำาเลย โดยโจทก์ ซ่อมแล้ว โจทก์จึงอาจที่จะบังคับตามสิทธิของตนในอันที่จะเรียกร้อง
ื
ี
ี
ั
ี
มีหน้าท่ในการซ่อมแซมรถยนต์ของลูกค้าท่จำาเลยรับประกันวินาศภัยไว้ ให้จำาเลยชำาระสินจ้างได้นับต้งแต่วันท่ส่งมอบรถยนต์แต่ละคันให้แก่ผ ู้
ภายหลังทำาสัญญาจำาเลยจัดส่งรถยนต์ให้โจทก์ทำาการซ่อมแซมหลาย ที่นำามาซ่อม ต่อมาจำาเลยนำาเงินมาชำาระหนี้ให้โจทก์บางส่วนจำานวน
ั
คร้ง หลายรายการ โจทก์ได้ซ่อมแซมจนสำาเร็จทุกรายการ จำาเลย 198,280.36 บาท เมื่อวันที่ 8 พฤษภาคม 2543 อันถือเป็นการรับ
ิ
ี
ชำาระหนี้ให้โจทก์ครั้งสุดท้ายเมื่อวันที่ 8 พฤษภาคม 2543 จำานวน สภาพหน้ต่อโจทก์ ทำาให้อายุความสะดุดหยุดลงและเร่มนับอายุความ
198,280.36 บาท ยังคงค้างชำาระเป็นเงิน 2,997,784 บาท โจทก์ ใหม่ตั้งแต่วันดังกล่าวตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา
ทวงถามให้จำาเลยชำาระ แต่จำาเลยเพิกเฉย ขอให้บังคับจำาเลยชำาระเงิน 193,14(1) และมาตรา 193/15 แต่ที่โจทก์นำาหนี้ตามที่ปรากฏในใบ
จำานวน 2,997,784 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี นับ รายการความเสียหายหรือใบเคลมเอกสารหมาย จ.3/1 และ จ.4
แต่วันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจะชำาระเสร็จแก่โจทก์ จำานวน 41 รายการ รวมเป็นเงิน 402,197 บาท ซึ่งข้อเท็จจริงฟังได้
จำาเลยให้การว่า โจทก์ฟ้องคดีเรียกค่าจ้างซ่อมเกิน 2 ปีแล้ว เป็นยุติว่า โจทก์สามารถบังคับตามสิทธิของตนได้ตั้งแต่ก่อนวันที่ 8
คดีของโจทก์ขาดอายุความ ขอให้ยกฟ้อง พฤษภาคม 2541 มาฟ้องเป็นคดีนี้ในวันที่ 19 มิถุนายน 2543 ซึ่ง
ระหว่างพิจารณาจำาเลยแถลงว่า โจทก์เป็นนิติบุคคล ม ี เกินกว่า 2 ปี แล้ว ฟ้องโจทก์ในส่วนที่เกี่ยวกับหนี้จำานวน 402,197
วัตถุประสงค์ในการประกอบธุรกิจซ่อมรถยนต์และมีอำานาจฟ้อง ฟ้อง บาท จึงขาดอายุความส่วนหน้ค่าซ่อมรถอีก 11 รายการ จำานวน
ี
โจทก์ไม่เคลือบคลุม 47,500 บาท ที่จำาเลยฎีกาอ้างว่าขาดอายุความด้วยนั้น ปรากฏว่า
ศาลช้นต้นพิพากษาให้จำาเลยชำาระเงินจำานวน 2,997,784 บาท ในวันที่ 8 พฤษภาคม 2543 ซึ่งเป็นวันที่จำาเลยชำาระหนี้บางส่วนอัน
ั
พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี นับแต่วันฟ้อง (ฟ้องวันที่ 19 ทำาให้อายุความสะดุดหยุดลง หนี้ค่าซ่อมรถท้ง 11 รายการ ยังไม่ขาด
ั
มิถุนายน 2543) เป็นต้นไปจนกว่าจะชำาระเสร็จแก่โจทก กับให้จำาเลย อายุความ อายุความสำาหรับหนี้ดังกล่าวจึงต้องเริ่มนับใหม่ และเมื่อ
์
ใช้ค่าฤชาธรรมเนียมแทนโจทก์ โดยกำาหนดค่าทนายความ 3,000 บาท คำานวณถึงวันฟ้องยังไม่เกิน 2 ปี คดีโจทก์ในส่วนนี้ 11 รายการ จึง
จำาเลยอุทธรณ์ ยังไม่ขาดอายุความ สำาหรับที่โจทก์นำาสืบอ้างว่า จำาเลยได้ชำาระหนี้ให ้
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน ให้จำาเลยใช้ค่าทนายความช้นอุทธรณ์ โจทก์ครั้งสุดท้ายเมื่อวันที่ 8 พฤษภาคม 2543 เป็นการรับสภาพหนี้
ั
แทนโจทก์ 1,500 บาท อันเป็นเหตุทำาให้อายุความสะดุดหยุดลงนั้น เห็นว่าการรับสภาพหนี้
ั
จำาเลยฎีกา อันจะเป็นเหตุทำาให้อายุความสะดุดหยุดลงน้นจะต้องกระทำาก่อนท ่ ี
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “คดีมีปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาของจำาเลย หนี้ขาดอายุความ เมื่อปรากฏว่าหนี้ค่าซ่อมรถจำานวน 402,197 บาท
ว่า ฟ้องโจทก์ในส่วนหนี้ค่าซ่อมรถยนต์จำานวน 449,697 บาท ขาด ขาดอายุความไปแล้วตั้งแต่ก่อนวันที่ 8 พฤษภาคม 2541 การชำาระ
ี
อายุความ 2 ปีแล้วหรือไม่ ซึ่งจำาเลยฎีกาว่า เมื่อโจทก์ซ่อมรถยนต์ หน้บางส่วนของจำาเลยในวันดังกล่าวจึงไม่มีผลให้อายุความสะดุดหยุด
แต่ละคันแล้วเสร็จ โจทก์มีสิทธิท่จะเรียกร้องค่าซ่อมรถยนต์จากจำาเลย ลงแต่อย่างใด ฎีกาของจำาเลยฟังขึ้นบางส่วน
ี
ได้ทันท และหากจำาเลยไม่ชำาระค่าซ่อมให้ตามท่โจทก์ส่งเอกสารไป อน่ง จำานวนทุนทรัพย์ท่พิพาทกันในช้นอุทธรณ์มีเพียง 449,704
ึ
ี
ั
ี
ี
ึ
เรียกเก็บ โจทก์ก็จะต้องใช้สิทธิเรียกร้องเสียภายในกำาหนด 2 ปี นับ บาท และชั้นฎีกาเพียง 449,697 บาท ที่จำาเลยชำาระค่าข้นศาลและค่า
ี
แต่วันท่ได้ส่งเอกสารไปเรียกเก็บค่าซ่อมจากจำาเลย การท่โจทก์ไม่ฟ้อง ขึ้นศาลอนาคตชั้นอุทธรณ์จำานวน 75,045 บาท และชั้นฎีกาจำานวน
ี
เรียกค่าซ่อมรถยนต์จำานวน 49 คัน คิดเป็นเงิน 449,704 บาท (ที่ 74,945 บาท เป็นการชำาระที่เกินกว่ากฎหมายกำาหนดจึงให้คืนค่าขึ้น
ถูก 449,697 บาท) ภายในกำาหนด 2 ปี นับแต่วันที่ได้ส่งเอกสารไป ศาลชั้นอุทธรณ์และฎีกาส่วนที่เกินแก่จำาเลย”
เรียกเก็บหรือต้งเบิก คดีโจทก์สำาหรับค่าซ่อมรถยนต์จำานวน 49 คันดัง พิพากษาแก้เป็นว่า ให้จำาเลยชำาระเงินจำานวน 2,595,587
ั
กล่าว จึงขาดอายุความนั้น เห็นว่า สัญญาที่โจทก์รับซ่อมรถยนต์ตาม บาท นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำาพิพากษาศาลอุทธรณ์ คืนค่าขึ้น
คำาส่งของจำาเลยเป็นสัญญาจ้างทำาของซ่งสิทธิเรียกร้องตามสัญญาจ้าง ศาลช้นอุทธรณ์และฎีกาส่วนท่เกินแก่จำาเลย ค่าฤชาธรรมเนียมช้น
ั
ี
ั
ั
ึ
ทำาของนั้นมีอายุความ 2 ปี ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ฎีกาให้เป็นพับ
มาตรา 193/34(1) ส่วนการเริ่มนับอายุความในการเรียกร้องให้จำาเลย
ชำาระค่าซ่อมมีบัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา (มนตรี ยอดปัญญา - สบโชค สุขารมณ์ - ม.ล. ฤทธิเทพ เทวกุล)
ี
193/12 ว่า “อายุความให้เร่มนับแต่ขณะท่อาจบังคับสิทธิเรียกร้องได้
ิ
34