Page 34 - InsuranceJournal123
P. 34
ฎีกาย่อและย่อค�าชี้ขาดอนุญาโตฯ
ย่อค�าชี้ขาด
อนุญาโตตุลาการ
สมาคมประกันวินาศภัยไทย
ข้อพิพาทหมายเลขแดงที่ 4724/2555
เรื่อง ประกันภัยรถยนต์
ี
ประเด็นข้อพิพาทมีว่า เร่องน้เข้าเง่อนไขข้อ 7.4 ท่คู่กรณีไม่ต้องรับผิดหรือไม่
ื
ื
ี
ข้อเท็จจริงในข้อพิพาทน้มีว่า ผู้เสนอข้อพิพาทเป็นผู้รับประกันภัย ลากจูงส่งท่บรรทุกเรือไป และรถฝ่ายคู่กรณีได้ไปชนท้ายรถฝ่ายผู้เสนอข้อ
ิ
ี
ี
รถยนต์คันหมายเลขทะเบียน ฒง-5821 กรุงเทพมหานคร ส่วนคู่กรณีเป็น พิพาท คร้นพนักงานตรวจสอบอุบัติเหตุของผู้เสนอข้อพิพาทออกตรวจได้ถ่าย
ั
้
ผู้รับประกันภัยคาจุนรถยนต์คันหมายเลขทะเบียน ชป-696 กรุงเทพมหานคร ภาพรถทั้งสองฝ่ายไว้ตาม ส.1 ส�าหรับปัญหาตามประเด็นข้อเดียวที่ว่า เรื่อง
�
เมื่อวันที่ 27 เมษายน 2554 เวลา 11.05 นาฬิกา ขณะผู้ขับรถคันที่ผู้เสนอ นี้เข้าเงื่อนไขข้อ 7.4 ที่คู่กรณีไม่ต้องรับผิดหรือไม่นั้น เห็นว่า เมื่อเงื่อนไขข้อ
ข้อพิพาทรับประกันภัยมาตามถนนมอเตอร์เวย์ จากด้านพระราม 9 มุ่งหน้า ระบุไว้ก่อนว่า การยกเว้นทั่วไป การประกันภัยตามหมวดนี้ไม่คุ้มครองความ
ี
ไปสุวรรณภูมิในช่องทางที่ 2 จากซ้าย โดยถนนด้านที่ขับไปมี 5 ช่องทาง เมื่อ รับผิดอันเกิดจากความรับผิดต่อบุคคลภายนอกที่เกิดดังต่อไปน้จะไม่ได้รับ
ี
ขับถึงท่เกิดเหตุได้มีบุคคลมีช่อขับรถคันท่คู่กรณีรับประกันภัยมุ่งหน้าทิศทาง ความคุ้มครอง ข้อ 7.4 การใช้ลากจูงหรือผลักดันเว้นแต่รถที่ถูกลากจูงหรือ
ื
ี
ี
เดียวกันในช่องทางท่ 4 จากซ้ายด้วยความเร็วแล้วได้เปล่ยนช่องทางจากช่อง ถูกผลักดันได้ประกันภัยไว้กับบริษัทด้วย.....หรือ เป็นรถลากจูงโดยสภาพหรือ
ี
ทางท่ 4 มาช่องทางท่ 3 แต่ขณะขับเปล่ยนช่องทางได้ขับด้วยความเร็วสูง รถท่มีระบบห้ามล้อเชื่อมโยงถึงกัน ซึ่งการใช้ลากจูงหรือผลักดัน เม่อความ
ื
ี
ี
ี
ี
ั
ี
่
ท�าให้รถเสียหลักเข้ามาในช่องทางที่ 2 เป็นเหตุให้ชนท้ายรถคันที่ผู้เสนอข้อ หมายของเงอนไขข้อนหมายถงเฉพาะกรณทนารถคนทเอาประกนภยไปใช้
ื
่
ั
ั
่
ี
ึ
ี
�
ี
้
ึ
ึ
ื
พิพาทรับประกันภัยได้รับความเสียหาย หลังเกิดเหตุผู้ขับท้งสองฝ่ายได้แจ้ง ลากจูงหรือผลักดันรถอ่นอีกคันหน่งซ่งมีเคร่องยนต์หรือสามารถขับเคล่อนได้
ื
ั
ื
ประกันของฝ่ายตนเอง พนักงานตรวจสอบอุบัติเหตุของทั้งสองฝ่ายได้ออก ด้วยตนเอง เมื่อเรื่องนี้รถคันที่คู่กรณีรับประกันภัยไปลากจูงสิ่งที่มีสภาพตาม
ั
ี
ตรวจท่เกิดเหตุ ฝ่ายคู่กรณีมีความเห็นว่าเหตุละเมิดคร้งน้เกิดจากความ ภาพถ่ายตาม ส.1 ซึ่งมีลักษณะเป็นอุปกรณ์ที่ใช้เหล็กท�าเป็นโครงต่อกันแล้ว
ี
ื
�
ประมาทของผู้ขับรถฝ่ายคู่กรณี จึงออกหลักฐานชดใช้ค่าเสียหายแก่ผู้เสนอ นาล้อ 2 ล้อมาติดกันให้เคล่อนไปได้ โดยมีเรือมาวางอยู่ด้านบนโครงเหล็ก
ี
ี
�
ข้อพิพาทไว้ ต่อมาผู้เสนอข้อพิพาทนารถคันท่รับประกันภัยไปจัดซ่อมเป็นเงิน เหมือนกับทาเป็นรถท่ใช้เป็นอุปกรณ์บรรทุกเรือและไม่มีเคร่องยนต์และจะ
ื
�
ื
4,400 บาท และจ่ายค่าซ่อมแล้ว จึงรับช่วงสิทธิมาเรียกร้องเงินดังกล่าวจาก เคล่อนไปไหนจะต้องใช้รถมาลาก เม่อสภาพรถที่คู่กรณีไปลากจูงไม่ใช่เป็นรถ
ื
ี
ี
ี
ื
ี
ื
คู่กรณี คู่กรณียื่นค�าคัดค้านว่า รถฝ่ายคู่กรณีไม่ได้เป็นรถลากจูงโดยสภาพแต่ ท่มีเคร่องยนต์ จึงไม่เข้าเง่อนไขข้อน้ท่กรมธรรม์ของคู่กรณีไม่คุ้มครอง ดังน้ คู่
ื
นาไปลากจูงรถคันอ่นและเกิดเหตุข้น จึงเข้าเง่อนไขหมวดความรับผิดต่อ กรณีจึงต้องรับผิดใช้ค่าเสียหายจ�านวน 4,400 บาท ที่ได้โต้แย้งกันแก่ผู้เสนอ
�
ึ
ื
่
บุคคลภายนอกข้อ 7.4 คู่กรณีจึงไม่ต้องรับผิด ข้อพิพาทพร้อมดอกเบยแต่เม่อไมปรากฏว่าผ้เสนอข้อพพาททวงถามให้ค่กรณ ี
ื
ิ
ี
ู
้
ู
ช�าระหนี้เมื่อใด จึงให้รับผิดดอกเบี้ยนับแต่วันเสนอข้อพิพาทเป็นต้นไป
ิ
อนุญาโตตุลาการวินจฉัยว่า ข้อเท็จจริงท่ไม่โต้แย้งกันฟังได้ยุติใน
ี
ื
เบ้องต้นว่า วันเกิดเหตุรถคันท่คู่กรณีรับประกันภัยซ่งเป็นรถยนต์กระบะไป อนุญาโตตุลาการชี้ขาดให้คู่กรณีรับผิดตามค�าเสนอข้อพิพาท
ึ
ี
34 วารสารประกันภัย ฉบับที่ 123