Page 34 - InsuranceJournal131
P. 34
ฎีกาย่อและย่อค�าชี้ขาดอนุญาโตตุลาการ
ค�ำพิพำกษำศำลฎีกำที่ 536/2554
โจทก์ บริษัท ว.ประกันภัย จ�ากัด ฎีกาย่อ
จ�ำเลย นายวิศิษฎ์ ศรีวิทยา
แพ่ง ประนีประนอมยอมความ ผู้รับประกันภัยรับช่วงสิทธิ (มาตรา 850, 880)
�
�
�
�
�
ื
โจทก์ฟ้องขอให้บังคับจาเลยชาระเงินจานวน 63,668.75 บาท จาเลยว่า บันทึกข้อตกลงเร่องค่าเสียหายในสาเนารายงานประจาวัน
�
่
้
็
ี
ี
ั
ั
ื
่
ี
่
พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี ของต้นเงิน 61,000 บาท นับแต่ เกยวกบคด เปนสญญาประนประนอมยอมความหรอไม ไดความวาภาย
วันฟ้องจนกว่าจะช�าระเสร็จแก่โจทก์ หลังเกิดเหตุ จ�าเลยกับนายสมจิตร สุขสงวน คนขับรถยนต์บรรทุกหก
�
ล้อได้ตกลงกันตามสาเนารายงานประจาวันเก่ยวกับคดี ระบุว่า ค่าเสียหาย
�
ี
ั
ี
ั
�
จ�าเลยให้การ ขอให้ยกฟ้อง ในการน้คู่กรณีท้งสองตกลงกันเองได้และจะนาไปซ่อมกันเองน้น
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง ค่าฤชาธรรมเนียมให้เป็นพับ เห็นว่า การประนีประนอมยอมความตามประมวลกฎหมายแพ่งและ
โจทก์อุทธรณ์ พาณิชย์ มาตรา 850 นั้น คือ สัญญาซึ่งผู้เป็นคู่สัญญาทั้งสองฝ่ายระงับ
ึ
ึ
ั
�
ั
ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษายกคาพิพากษาศาลช้นต้น ให้ พิพาทอันใดอันหน่งซ่งมีอยู่ หรือจะมีข้นน้นให้เสร็จไปด้วยต่างยอมผ่อน
ึ
ื
ศาลช้นต้นพิจารณาและพิพากษาใหม่ในประเด็นเร่องค่าเสียหายตามรูป ผันให้แก่กัน แต่สาเนารายงานประจาวันเก่ยวกับคดีมีใจความเพียงว่า
ั
�
ี
�
ี
�
ื
ั
ั
ี
ั
ั
คดีต่อไป ค่าฤชาธรรมเนียมท้งสองศาล ให้ศาลช้นต้นรวมส่งเม่อม “ค่าเสียหายในการน้ คู่กรณีท้งสองตกลงกันเองได้และจะนาไปซ่อม
ค�าพิพากษาใหม่ กันเอง” ไม่มีสาระสาคัญแสดงว่าจาเลยเจรจาตกลงกับนายสมจิตรคน
�
�
�
ื
ี
จ�าเลยฎีกา ขับรถบรรทุกหกล้อท่โจทก์รับประกันภัยไว้ในเร่องการชาระค่าเสียหาย
ศาลฎีกาแผนกคดีพาณิชย์และเศรษฐกิจวินิจฉัยว่า “ข้อเท็จ ให้ชัดแจ้งแต่อย่างใด จึงไม่มีผลเป็นการประนีประนอมยอมความตาม
จริงท่คู่ความไม่โต้แย้งกันในช้นน้ฟังได้ว่า โจทก์รับประกันภัยรถยนต์ กฎหมาย มูลหนี้ละเมิดจึงไม่ระงับสิ้นไป
ี
ี
ั
บรรทุกหกล้อหมายเลขทะเบียน 85-0619 กรุงเทพมหานคร ไว้จากนาย เมื่อโจทก์ในฐานะผู้รับประกันภัยน�ารถยนต์บรรทุกหกล้อคัน
ี
สมพร โกวิทวราพร ผู้เอาประกันภัยมีอายุการคุ้มครองต้งแต่วันท่ 22 ดังกล่าวไปซ่อมจนมีสภาพดีดังเดิม โจทก์ย่อมเข้ารับช่วงสิทธิของผู้เอา
ั
�
มกราคม 2534 ถึงวันที่ 22 มกราคม 2535 ตามกรมธรรม์ประกันภัย ประกันภัย เรียกร้องให้จาเลยผู้กระทาละเมิดชดใช้ค่าเสียหายให้แก่โจทก์
�
เม่อวันท่ 27 เมษายน 2534 เวลากลางวัน จาเลยขับรถยนต์กระบะ ได้ แต่ค่าเสียหายท่โจทก์ฟ้องมาน้นมีจานวนเพียง 63,668.75 บาท และ
ี
ี
�
�
ื
ั
�
หมายเลขทะเบียน บ - 6006 นครสวรรค์ ด้วยความประมาทโดยใช้ จาเลยให้การว่าค่าเสียหายของโจทก์เป็นเงิน 8,000 บาท คดีน้จึงม ี
ี
ความเร็วสูงมาตามถนนสายเอเชีย มุ่งหน้าไปจังหวัดนครสวรรค์ เมื่อถึง จ�านวนทุนทรัพย์ที่พิพาทกันในชั้นฎีกาไม่เกินสองแสนบาท จึงต้องห้าม
บริเวณที่เกิดเหตุ จ�าเลยไม่สามารถควบคุมรถได้ ท�าให้ล�้าเข้าไปในช่อง ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง
ิ
ั
่
เดนรถสวน ซงขณะนนมรถยนตบรรทกหกลอซงโจทกรบประกนภยไว มาตรา 248 วรรคหนึ่ง และศาลชั้นต้นยังมิได้วินิจฉัยในเรื่องค่าเสียหาย
ึ
้
ั
ั
้
้
ั
์
ึ
่
์
ี
ุ
ิ
ี
แล่นสวนทางมา ทาให้รถท่จาเลยขับเฉ่ยวชนกับรถท่โจทก์รับประกันภัย แม้คู่ความจะได้นาสืบข้อเท็จจริงมาเสร็จส้นเป็นการเพียงพอท่ศาลฎีกา
ี
�
�
ี
ี
�
ไว้ได้รับความเสียหาย จะวินิจฉัยปัญหาดังกล่าวไปได้ก็ตาม แต่เนื่องจากคดีนี้ต้องห้ามฎีกาใน
�
หลังเกิดเหตุพนักงานสอบสวนมาตรวจท่เกิดเหตุและเห็นว่า ปัญหาข้อเท็จจริงดังท่วินิจฉัยข้างต้น จึงเห็นสมควรให้ย้อนสานวนไปให้
ี
ี
�
จาเลยเป็นฝ่ายขับรถโดยประมาทเป็นเหตุให้ทรัพย์สินของผู้อ่นเสียหาย ศาลชั้นต้นพิจารณาพิพากษาปัญหาดังกล่าวใหม่ เพื่อให้คดีเป็นไปตาม
ื
จาเลยให้การรับสารภาพ จึงเปรียบเทียบปรับจาเลยตามสาเนารายงาน ล�าดับ
�
�
�
ประจ�าวันเกี่ยวกับคดี คดีมีปัญหาข้อกฎหมายต้องวินิจฉัยตามฎีกาของ
34 วารสารประกันภัย ฉบับที่ 131