Page 34 - InsuranceJournal134
P. 34
ฎีกาย่อและย่อค�าชี้ขาดอนุญาโตตุลาการ
ฎีกาย่อ
ค�าพิพากษาศาลฎีกาที่ 10703/2554
โจทก์ บริษัท อ.ประกันภัย จ�ากัด
จ�าเลย บริษัท ว.ประกันภัย จ�ากัด
แพ่ง ประกันภัยค�้าจุน (มาตรา 887)
ี
โจทก์ฟ้อง ขอให้บังคับจ�าเลยช�าระเงินจ�านวน 161,528 บาท ความว่า โจทก์เป็นผู้รับประกันภัยรถยนต์หมายเลขทะเบยน 4 ว – 1554
พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี ของต้นเงิน 146,844 บาท นับ กรุงเทพมหานคร ไว้จากนายสุพรรณ์ตามตารางกรมธรรม์ ซึ่งประมวล
ถัดจากวันฟ้องจนถึงวันช�าระเสร็จแก่โจทก์ กฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 863 บัญญัติว่า “อันสัญญาประกัน
ั
จ�าเลยให้การและแก้ไขค�าให้การ ขอให้ยกฟ้อง ภัยน้น ถ้าผู้เอาประกันภัยมิได้มีส่วนได้เสียในเหตุท่ประกันภัยได้น้นไซร้
ี
ั
ึ
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง ค่าฤชาธรรมเนียมให้เป็นพับ ท่านว่าย่อมไม่ผูกพันคู่สัญญาแต่อย่างใดอย่างหน่ง” โจทก์เป็นนิติบุคคล
ื
โจทก์อุทธรณ์ มีวัตถุประสงค์ในการรับประกันภัย เช่อว่าโจทก์จะต้องพิจารณาหลัก
ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับ ให้จาเลยชดให้ค่าเสียหายแก่โจทก์ ฐานต่าง ๆ ก่อนรับประกันภัยแล้วว่าผู้เอาประกันภัยมีส่วนได้เสียในเหต ุ
�
เป็นเงิน 161,528 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี ของต้น ที่ประกันภัยหรือไม่ เพราะเป็นประเด็นสัญญาประการหนึ่งแห่งสัญญา
เงิน 146,844 บาท นับจากวันฟ้อง (วันที่ 13 สิงหาคม 2540) จนถึงวัน และโจทก์มีนายอนันต์เบิกความว่าพยานเป็นผู้ซ่อมรถยนต์หมายเลข
ั
�
�
ชาระเสร็จแก่โจทก์และให้จาเลยใช้ค่าฤชาธรรมเนียมท้งสองศาลแทน ทะเบียน 4 ว – 1554 กรุงเทพมหานคร และได้รับค่าซ่อมครบถ้วนแล้ว
ู
ึ
โจทก์ ซ่งสนับสนุนว่าโจทก์ได้ตรวจดูแล้วว่านายสุพรรณ์เป็นผ้มีส่วนได้เสียใน
ี
�
ั
ั
จาเลยฎีกา โดยผู้พิพากษาท่ได้น่งพิจารณาคดีในศาลช้นต้น รถยนต์คันดังกล่าว เพราะหากโจทก์พบว่านายสุพรรณ์มิได้มีส่วน
รับรองว่ามีเหตุสมควรที่จะฎีกาในข้อเท็จจริงได้ ได้เสียแล้ว โจทก์ก็คงจะปฏิเสธไม่รับผิดชดใช้ค่าสินไหมทดแทนแก่
ศาลฎีกาแผนกคดีพาณิชย์และเศรษฐกิจวินิจฉัยว่า “…ข้อเท็จ นายสุพรรณ์โดยการไม่ซ่อมแซมรถยนต์คันหมายเลขทะเบียนข้างต้น
์
ี
�
ิ
ุ
ั
่
ิ
้
ั
จรงฟงไดวา ตามวนเวลาเกดเหต รถยนตหมายเลขทะเบยน 4 ว – 1554 ส่วนจาเลยให้การแต่เพียงลอย ๆ ว่า นายสุพรรณ์มิได้เป็นผู้มีส่วนได้เสีย
ึ
กรุงเทพมหานคร ซ่งโจทก์รับประกันภัยไว้จากนายสุพรรณ์ เกิดเหตุเฉ่ยว ในรถยนต์หมายเลขทะเบียน 4 ว – 1554 กรุงเทพมหานคร โดยมิได้
ี
ชนกับรถกระบะหมายเลขทะเบียน 4 พ – 6508 กรุงเทพมหานคร ซึ่ง ให้เหตุผลแห่งการปฏิเสธ ท้งมิได้นาสืบหักล้างในประเด็นดังกล่าว
ั
�
จาเลยรับประกันภัยไว้จากนายดิเรก โดยขณะเกิดเหตุนายไพเราะเป็น พยานหลักฐานของโจทก์มีนาหนักฟังได้ว่านายสุพรรณ์เป็นผู้มีส่วน
�
�
้
ี
�
ผู้ขับรถยนต์คันท่โจทก์รับประกัน ส่วนรถยนต์คันท่จาเลยรับประกันภัย ได้เสียในรถยนต์คันดังกล่าวข้างต้น ฎีกาของจ�าเลยข้อนี้ฟังไม่ขึ้น
ี
มีนายบุญส่งเป็นผู้ขับ พนักงานสอบสวนเปรียบเทียบปรับนายบุญส่งใน ปัญหาต้องวินิจฉัยประการต่อไปตามฎีกาของจ�าเลยว่า นาย
ความผิดฐานขับรถโดยประมาท เป็นเหตุให้ผู้อ่นได้รับอันตรายแก่กาย บุญส่งผู้ขับรถยนต์คันท่จาเลยรับประกันภัยไว้เป็นลูกจ้างหรือตัวแทน
ี
�
ื
และทาให้ทรัพย์สินผู้อ่นเสียหาย โจทก์ชดใช้ค่าสินไหมทดแทนให้แก่นาย ของนายดิเรกและเหตุเฉ่ยวชนกันเกิดจากความประมาทของนายบุญส่ง
ื
ี
�
สุพรรณ์ผู้เอาประกันภัย และนายไพเราะผู้ได้รับบาทเจ็บจากเหตุรถยนต์ หรือไม่ ปัญหานี้โจทก์มีร้อยต�ารวจเอกศิริพล พนักงานสอบสวนมาเบิก
ี
ทั้งสองคันชนกันแล้ว ความว่า หลังจากได้รับแจ้งเหตุพยานเดินทางไปยังสถานท่เกิดเหตุและ
ี
�
ิ
ิ
ี
ั
�
ี
คดมปัญหาต้องวนจฉยตามฎกาของจาเลยประการแรกว่า สอบสวนแล้วลงความเห็นว่า นายบุญส่งคนขับรถยนต์คันท่จาเลยรับ
ี
นายสุพรรณ์เป็นผู้มีส่วนได้เสียในรถยนต์หมายเลขทะเบียน 4 ว – 1554 ประกันภัยเป็นฝ่ายประมาทและนายบุญส่งให้การรับสารภาพ พยานจึง
กรุงเทพมหานคร หรือไม่ โจทก์มีนายดารงผู้รับมอบอานาจโจทก์เบิก เปรียบเทียบปรับนายบุญส่ง และได้ความจากทางนาสืบของโจทก์ว่า
�
�
�
34 วารสารประกันภัย ฉบับที่ 134