Page 27 - InsuranceJournal135
P. 27
Risk Intelligence
ประเด็นที่น่าสนใจจากผลส�ารวจในปีนี้ก็คือ ความเสี่ยงอันดับต้นที่ถูกระบุล้วนเกี่ยวข้องกับการเตรียมความพร้อมของธุรกิจประกันภัย
เพื่อรับมือกับการเปลี่ยนผ่านเข้าสู่ยุคดิจิทัล ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อโครงสร้าง เทคโนโลยี ผลิตภัณฑ์ รูปแบบการให้บริการ ช่องทางการจ�าหน่าย
ี
ี
และรูปแบบของความเส่ยงของบริษัทประกันภัยในมิติท่ผู้บริหารไม่เคยประสบมาก่อน ในขณะท่ปัจจัยด้านเศรษฐกิจและการเมืองก็ยังคงเป็น
ี
ความท้าทายในการบริหารจัดการของบริษัทประกันภัยเช่นกัน
มาดูรายละเอียดของความเสี่ยง Top Ten ของธุรกิจประกันวินาศภัยกันนะคะว่าผู้บริหารทั่วโลกคิดเห็นกันอย่างไรบ้าง
1. เทคโนโลยี (Technology)
ี
ึ
ี
ความเส่ยงด้านเทคโนโลยีข้นแท่นความเส่ยงอันดับ 1 สาหรับธุรกิจประกันวินาศภัย ผู้ตอบแบบสอบถามมองว่าบริษัทประกันภัยติด
�
�
ื
�
ี
กับดักของระบบคอมพิวเตอร์และเทคโนโลยีท่ถูกออกแบบมาสาหรับการทางานเม่อหลายสิบปีก่อน ซ่งไม่สามารถจะรองรับกับรูปแบบการทางาน
�
ึ
ี
ี
ี
�
ตลอดจนพฤติกรรมและความคาดหวังของลูกค้าท่เปล่ยนแปลงไปในปัจจุบัน นอกจากน้แล้ว การใช้ระบบคอมพิวเตอร์และเทคโนโลยีรุ่นเก่า ทาให้
ภาพลักษณ์ของธุรกิจประกันภัยดูเชย ล้าสมัย และไม่น่าดึงดูดใจ
ถึงแม้การน�าเทคโนโลยีมาใช้เพื่อปรับปรุงกระบวนการท�างานภายในจะเป็นปัจจัยส�าคัญในการลดค่าใช้จ่ายในการด�าเนินงาน ซึ่งจะส่ง
ผลต่อความอยู่รอดของบริษัทประกันภัยในระยะยาวก็ตาม แต่ต้นทุนในการเปล่ยนระบบคอมพิวเตอร์และเทคโนโลยีเดิมซ่งล้าสมัยและขาด
ี
ึ
่
่
้
ิ
ู
ี
ิ
ื
ความเชอมโยงกันระหว่างระบบและเทคโนโลยีทมีอย่ จะก่อใหเกดค่าใช้จ่ายมูลค่าสูงและอาจส่งผลต่อฐานะการเงินและผลประกอบการของบรษัท
ได้ ด้วยเหตุนี้ จึงท�าให้หลายบริษัทตัดสินใจที่จะยังคงท�างานบนระบบเดิมที่มีอยู่ต่อไป นอกเหนือจากเม็ดเงินที่บริษัทประกันภัยจะต้องลงทุนไป
ในระบบใหม่แล้ว ผู้บริหารยังมีความกังวลว่าเทคโนโลยีใหม่ที่จะน�ามาใช้อาจก่อให้เกิดความเสี่ยงรูปแบบใหม่ตามมาในอนาคตด้วย
ึ
ผู้ตอบแบบสอบถามยังให้ความเห็นเพ่มเติมว่า ความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีจะนามาซ่งภัยคุกคามในรูปของบริษัทประกันภัยรูปแบบ
ิ
�
่
ี
�
ั
ใหม่ซ่งจะมีกระบวนการทางานท่ส้นและกระชับ มีต้นทุนตา และมีเทคโนโลยีท่ทันสมัย สามารถรองรับข้อมูลขนาดใหญ่ (Big Data) ได้ และ
ี
�
ึ
สามารถน�าข้อมูลมาวิเคราะห์เพื่อหาช่องทางพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่สามารถสร้างผลก�าไรให้กับบริษัทได้ดีกว่าบริษัทประกันภัยแบบดั้งเดิม
2. การบริหารการเปลี่ยนแปลง (Change Management)
ี
ี
ความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีและการเปล่ยนแปลงท่กาลังเกิดข้น เช่น รถยนต์ไร้คนขับ (Driverless Cars) เครือข่ายอินเทอร์เน็ตท ่ ี
�
ึ
เชื่อมโยงทุกสิ่งเข้าด้วยกัน (Internet of Things) ปัญญาประดิษฐ์ (Artificial Intelligence) เทคโนโลยี Telematics และเทคโนโลยีทางด้าน
ประกันภัย (InsurTech) ตลอดจนพฤติกรรมและความคาดหวังของผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไปจากเดิม และช่องทางการจ�าหน่ายในรูปแบบใหม่
ส่งผลให้การบริหารการเปลี่ยนแปลงทะยานขึ้นเป็นความเสี่ยงอันดับ 2 ของธุรกิจประกันวินาศภัยในปีนี้
การเปลี่ยนแปลงที่รวดเร็ว รุนแรง และหลากหลายรูปแบบนี้ อาจส่งผลกระทบและคุกคามรูปแบบและวิธีการท�าธุรกิจประกันภัยแบบ
ด้งเดิมต้งแต่ต้นนาจนถึงปลายนา และสร้างความท้าทายให้กับผู้บริหารของบริษัทประกันภัยในมิติท่ไม่เคยประสบมาก่อนและอาจพลิกโฉมของ
�
้
ั
ั
้
�
ี
่
ุ
่
ี
ี
้
ั
่
่
ี
ั
ั
้
่
ี
ั
ึ
่
้
ู
ั
ั
ั
ิ
ุ
่
ธรกจประกนภยอยางคาดไมถงในอนาคต ทงรปแบบการทาธุรกจ การกาหนดอตราเบยประกนภยทเหมาะสมกบความเสยงในแตละกลมยอย เบย
�
ิ
�
ประกันภัยรับรวมที่ลดลงเนื่องมาจากความถี่และความรุนแรงของเคลมที่คาดว่าจะลดลงในอนาคต
หากบริษัทประกันภัยไม่สามารถตอบสนองต่อความต้องการของลูกค้าท่เปล่ยนแปลงไปได้ ไม่สามารถก้าวข้ามแนวคิดแบบเดิมเดิมซ่ง ึ
ี
ี
ึ
�
ึ
ี
จะกีดขวางการสร้างสรรค์นวัตกรรมให้เกิดข้น และยังคงพ่งพาระบบคอมพิวเตอร์และเทคโนโลยีท่ตกยุค ก็อาจทาให้ลูกค้าของบริษัทหันไปหาทาง
เลือกอื่นที่สามารถตอบโจทย์ความต้องการได้ดีกว่า
ั
ึ
ี
ผู้ตอบแบบสอบถามยังมีความเห็นว่า กลุ่มผู้บริโภคในอนาคตซ่งเป็นเจนเนอเรช่นใหม่ท่อายุน้อยและมีรูปแบบการใช้ชีวิตท่ต่างไปจาก
ี
�
�
ลูกค้าปัจจุบันอาจให้ความสาคัญกับการประกันภัยลดลง หากบริษัทประกันภัยไม่สามารถหาช่องทางการจาหน่ายทางดิจิทัลท่สามารถเข้าถึง
ี
ผู้บริโภคเหล่านี้ได้แล้ว ก็จะท�าให้เบี้ยประกันภัยรับโดยรวมลดลงได้เช่นกัน ด้วยเหตุนี้ บริษัทประกันภัยข้ามชาติหลายรายจึงได้ร่วมเป็นพันธมิตร
ี
�
�
ี
กับบริษัทท่เป็น InsurTech เพ่อท่จะทดลองและพัฒนาช่องทางการจาหน่ายรูปแบบใหม่หรือเทคโนโลยีใหม่ท่จะช่วยสนับสนุนการทาธุรกิจใน
ื
ี
อนาคต
วารสารประกันภัย เดือนเมษายน - มิถุนายน 2560 27