Page 36 - InsuranceJournal142
P. 36
ฎีกาย่อและย่อค�าชี้ขาดอนุญาโตตุลาการ
ั
ี
ี
ื
�
ี
คู่กรณีย่นคาคัดค้านว่าคู่กรณเป็นผู้รับประกันภัยรถยนต์คัน ท้งท่สินค้าท่ผู้เสนอข้อพิพาทท่รับประกันภัยเสียหายเป็นเงิน 81,522
ี
หมายเลขทะเบียน บฉ-1419 นครนายกท่ก่อเหตุตามกรมธรรม์ภาค บาทท่ได้จ่ายไปแล้ว เห็นว่า ปกติรถฝ่ายคู่กรณีก่อเหตุและเป็น
ี
ี
สมัครใจ โดยมีวงเงินความรับผิดต่อทรัพย์สินบุคคลภายนอกไม่เกิน ฝ่ายประมาท ทาให้รถของบุคคลภายนอก 4 คันเสียหายและสินค้าท ่ ี
�
ี
ี
ั
ั
600,000 บาทต่อคร้ง แต่อุบัติเหตุคร้งน้รถยนต์คันท่คู่กรณีรับประกันภัย บรรทุกมากับรถคันหมายเลขทะเบียน ฮภ-4135 กรุงเทพมหานครท ่ ี
ไว้ได้ก่อเหตุให้เกิดความเสียหายแก่รถยนต์ผู้อื่นได้รับความเสียหาย ประกันภัยไว้กับบริษัท ม.เสียหายจริง แต่หากมาขอรับค่าเสียหายต่อ
ี
จ�านวนหลายคัน โดยปัจจุบันคู่กรณีได้ชดใช้ค่าเสียหายให้แก่ผู้เสียหาย คู่กรณีขณะท่คู่กรณียังไม่จ่าย คู่กรณีอาจเฉล่ยจ่ายได้ตามความเสียหาย
ี
ื
รายอ่น ๆ จนเต็มวงเงินคุ้มครองตามสัญญาประกันภัยของคู่กรณีแล้ว แต่ละรายได้ แต่ตามข้อพิพาทนี้ได้แก่บริษัท ม.ที่รับประกันภัยรถคันที่
ี
ั
ดังน้นค่าเสียหายท่ผู้เสนอข้อพิพาทเรียกร้องมาทางคู่กรณีจึงไม่ต้องรับผิด บรรทุกสินค้าได้นาคดีไปฟ้องคู่กรณีต่อศาล แต่มีการถอนฟ้องเพราะเข้า
�
สัญญาสละสิทธิฯ ดังน้น รายใดมาขอรับค่าเสียหายไปก่อนคู่กรณ ี
ั
ี
อนุญาโตตุลาการวินิจฉัยว่า พิเคราะห์แล้วข้อเท็จจริงท่รับหรือ ย่อมจ่ายได้ แต่มีปัญหาว่าสาหรับรายบริษัท ม.ที่เข้าสัญญาสละสิทธิฯ
�
ี
ไม่โต้แย้งกัน ฟังได้ว่า เมื่อวันที่ 10 พฤศจิกายน 2557 ผู้เอาประกันภัย กับคู่กรณีในค่าเสียหายของรถท่แต่ละฝ่ายรับประกันภัยไว้ต่อกัน คู่กรณ ี
ของผู้เสนอข้อพิพาทได้จัดส่งสินค้าอะไหล่กล้องดิจิทัลจานวน 48,385 จะนาค่าเสียหายของรถคันท่ประกันภัยไว้กับบริษัท ม. ไปหักจาก
ี
�
�
ชิ้นไปให้ลูกค้าที่จังหวัดสระบุรี ครั้นเวลา 14.20 นาฬิกา นายส.ขับรถ ทุนประกันภัยของคู่กรณีก่อนได้หรือไม่ เห็นว่า การที่สัญญาสละสิทธิฯ
ึ
คันหมายเลขทะเบียน ฮภ-4135 กรุงเทพมหานครท่ประกันภัยไว้กับ ตกลงกันว่า ตามสัญญาสละสิทธิเรียกร้องค่าเสียหายซ่งกันและกัน
ี
ี
ี
บริษัท ม. มาบรรทุกสินค้าและขับมาถึงส่แยกไฟแดง เม่อได้รับสัญญาณ ตามกรมธรรม์ประกันภัยรถยนต์ สมาคมประกันวินาศภัย ท่แต่ละ
ื
ไฟเขียวก็ขับเข้าสี่แยก ได้มีนายป.ขับรถคันที่คู่กรณีรับประกันภัยมาอีก บริษัทประกันวินาศภัยตกลงไว้ในข้อ 2 วรรคแรกว่า ผู้ร่วมสัญญาตกลง
ี
ึ
ี
ึ
ถนนฝ่าสัญญาณไฟแดง มาชนรถคันท่นายส.ขับท่บรรทุกสินค้าท่เอา สละสิทธิเรียกร้องค่าเสียหายซ่งกันและกันต่อรถยนต์ ซ่งเกิดจากการชน
ี
ื
ี
ี
�
ื
ประกันภัยไว้กับผู้เสนอข้อพิพาท ทาให้รถท่นายส.ขับท่ประกันภัยไว้กับ หรอความพยายามหลกเลยงการชนหรอเกดจาการใช้รถ ซงก่อให้เกิด
่
ี
ิ
ึ
ี
่
ี
ี
บริษัท ม. เสียหายและสินค้าท่บรรทุกมาท่เอาประกันภัยไว้กับผู้เสนอ ความเสยหายต่อรถยนต์ท่เอาประกันภัยไว้กับผู้ร่วมสัญญา โดยผู้ร่วม
ี
ี
ี
ข้อพิพาทก็เสียหายด้วยจ�านวน 11,244 ชิ้น เป็นเงิน 82,777.42 บาท สัญญาแต่ละฝ่ายจะรับผิดชอบในความเสียหายของรถยนต์ท่ตน
ี
�
เม่อผู้เอาประกันภัยมาเรียกร้องค่าสินค้าท่ประกันภัยไว้กับผู้เสนอข้อ รับประกันภัยภายใต้จานวนเงินเอาประกันภัยท่กาหนดไว้ในกรมธรรม์
�
ื
ี
่
ิ
พพาท ผ้เสนอข้อพพาทได้จ่ายค่าสนค้าทเสยหายไปแล้ว ผ้เสนอข้อ โดยไม่ค�านงว่าจะเป็นความประมาทของฝ่ายใด ซงตามข้อตกลงข้อน ี ้
ึ
ี
ู
ี
ิ
ู
่
ิ
ึ
�
พิพาทจึงมาเรียกร้องเอากับคู่กรณี แต่มีข้อโต้เถียงจากคู่กรณีว่าเกิดเหต หมายถึงแต่ละฝ่ายต่างรับผิดต่อความเสียหายในรถฝ่ายตนโดยไม่คานึง
ุ
ี
ี
คร้งน้รถฝ่ายคู่กรณีชนรถ 4 คัน แม้คันท่บรรทุกสินค้าของผู้เสนอข้อ ว่าจะเป็นความประมาทของฝ่ายใด ดังนน เมอปรากฏว่ารถคนทบรรทก
่
ั
่
ื
ั
ั
้
ี
ุ
พิพาทหมายเลขทะเบียน ฮภ-4135 กรุงเทพมหานครจะประกันภัยไว้ สินค้าท่ประกันภัยไว้กับบริษัท ม.ถูกรถฝ่ายคู่กรณีชน และเกิดจากความ
ี
ี
กับบริษัท ม. เม่อคู่กรณีรับผิดค่าเสียหายรถ 4 คันกับต้องชดใช้ค่าสินค้า ประมาทของผู้ขับรถฝ่ายคู่กรณี บริษัท ม.ต้องจัดซ่อมรถท่ตนเองรับ
ื
ี
ที่ผู้เสนอข้อพิพาทรับประกันภัยไว้ด้วย แต่ตามกรมธรรม์ของคู่กรณี คู่ ประกันภัยท่เสียหาย แล้วไม่อาจเรียกร้องค่าเสียหายท่จ่ายไปแล้วจาก
ี
กรณีต้องรับผิดต่อทรัพย์สินที่เสียหายไม่เกิน 600,000 บาท ต่อครั้ง คู่ คู่กรณีได้ ฉะนั้นตามข้อพิพาทนี้การที่คู่กรณีเอาค่าซ่อมรถที่ประกันภัย
กรณีได้จ่ายค่าซ่อมรถคันหมายเลขทะเบียน สษ-7548 กรุงเทพมหานคร ไว้กับบริษัท ม. ที่คู่กรณีไม่ต้องช�าระค่าเสียหายให้แก่บริษัท ม. มาหัก
ี
คันแรกเป็นเงิน 237,134.95 บาท จ่ายคันท่ 2 ทะเบียน บย-5845 ลพบุร จากทุนประกันภัยของคู่กรณีไม่ได้ เม่อคู่กรณีได้จ่ายค่าเสียหายให้แก่
ื
ี
เป็นเงิน 96,393.46 บาท ได้จ่ายคันท่ 3 ทะเบียน ฒส-4215 รถคันที่ 1-3 ไปเป็นเงิน 540,528.41 บาท ก็จะเหลือทุน 59,471 บาท
ี
กรุงเทพมหานครเป็นเงิน 207,000 บาท ส�าหรับรถคันที่ 4 ทะเบียน ตามท่คู่กรณีตอบถามค้านไว้ แม้ผู้เสนอข้อพิพาทจะเรียกร้องค่าเสียหาย
ี
�
ฮภ-4135 กรุงเทพมหานคร คันท่บรรทุกสินค้าท่ผู้เสนอข้อพิพาทรับ จากคู่กรณีสาหรับสินค้าท่ผู้เสนอข้อพิพาทรับประกันภัยไว้ได้เป็นเงิน
ี
ี
ี
ประกันภัยไว้เข้าสัญญาสละสิทธิเรียกร้องค่าเสียหายกันกับคู่กรณี แต่รถ 81,525 บาทตามท่ผู้เสนอข้อพิพาทจ่ายไปแล้วก็ตาม แต่เม่อคู่กรณีเหลือ
ี
ื
ี
คันนี้มีการคืนทุน 950,000 บาท แล้วขายซากได้ 231,775.70 หักค่า ทุนประกันภัยไม่ครบตามท่ผู้เสนอข้อพิพาทเรียกร้องมา คู่กรณีคงจ่าย
ี
ี
ขายซากออกจะเหลือ 718,224.20 บาท รวมจ่ายเงินค่าเสียหายรถคัน ได้ตามทุนประกันภัยท่เหลือได้เพียง 59,471 บาทเท่าน้นพร้อมดอกเบ้ย
ั
ิ
้
4 คันเป็นเงิน 1,258,752.71 บาท ซ่งเกินทุนประกันภัยคู่กรณีจึงไม่ต้อง โดยดอกเบยให้นบแต่วนเสนอข้อพพาทเพราะผ้เสนอข้อพพาทไม่ม ี
ึ
ั
ั
ู
ิ
ี
รับผิดค่าสินค้าที่ประกันภัยไว้กับผู้เสนอข้อพิพาท แต่ยอมรับว่าหากไม่ หลักฐานการทวงถาม
ี
ี
จ่ายค่าเสียหายของคันท่ 4 ท่บรรทุกสินค้าท่เข้าสัญญาสละสิทธิฯ คู่กรณ ี
ี
�
�
ี
จ่ายค่าเสียหายคันที่ 1-3 ไปจะเป็นเงิน 540,525.41 บาท จะเหลือทุน อนุญาโตตุลาการช้ขาดให้คู่กรณีชาระเงินจานวน 59,471 บาท
ประกันเป็นเงิน 59,471 บาท ที่จะชดใช้ค่าสินค้าแก่ผู้เสนอข้อพิพาทได้ พร้อมดอกเบี้ยกับให้ใช้ค่าธรรมเนียมแทนผู้เสนอข้อพิพาท
36 วารสารประกันภัย ฉบับที่ 142