Page 127 - InsuranceHandbook
P. 127
108 คู่มือประกันวินาศภัยไทย
Thai General Insurance Handbook
ี
บริษัทประกันภัยขนาดใหญ่มการจัดโครงสร้างองค์กรที่เกี่ยวข้องกับการพิจารณารับประกันภัย ดังนี้ 3.5 ต้องกำหนดอัตราเบี้ยประกันภัยที่พอเหมาะ และสมควรกับสภาพความเสี่ยงของภัยแต่ละราย และ
ของภัยโดยรวมเมื่อมีภัยรายใหม่ ๆ เพิ่มเข้ามาในกลุ่ม
3.6 ต้องทำการชดใช้ค่าสินไหมทดแทนอย่างถูกต้องตรงตามเงื่อนไขความคุ้มครองของ
กรมธรรม์ประกนภัยและหลักการชดใช้ค่าสินไหมทดแทน
ั
3.7 ต้องรับประกันภัยโดยใช้สมมติฐานและหลักเกณฑ์เดียวกันกับที่ใช้ในการกำหนด
อัตราเบี้ยประกันภัยและการกำหนดเงื่อนไขความคุ้มครองสำหรับภัยประเภทเดียวกันนั้น
ุ
3.8 คำนึงถึงผลการรับประกันภัยสทธิเสมอเมื่อรับงานใหมเข้ามา เบี้ยประกันภัยที่ได้รับมานั้น จะเป็น
่
เบี้ยประกันภัยรับก่อนการเอาประกันภัยต่อที่เราเรียกว่าเบี้ยประกันภัยรวม (Gross Premium) หากมีการ
ั
่
เอาประกนภัยตอก็จะต้องหักเบี้ยประกันภัยต่อ (Reinsurance Premium Ceded) ออกไป เบี้ยประกันภัยส่วนที่
ั
เหลือซึ่งเป็นส่วนที่ตกเป็นของบริษัทคือ เบี้ยประกนภัยสุทธิที่เก็บไว้เอง (Retained Premium) จะเป็นส่วนสำคัญที่
ส่งผลต่อกำไร หรือขาดทุนของบริษัท อย่างไรก็ตาม บริษัทประกนภัยจะใช้การประกันภัยต่อเป็นเครื่องมือบริหาร
ั
ความเสี่ยงในการรับประกันภัยรายใหญ่ที่เกินขีดความสามารถในการรับเสี่ยงภัยไว้เอง ดังนั้นการวางแผนในการจัด
ประกันภัยต่อรวมถึงการคัดเลือกผู้รับประกันภัยต่อจึงมีความสำคัญมาก
อย่างไรก็ตาม วัตถุประสงค์ที่แท้จริงของการพิจารณารบประกันภัย คือ การหาสมดุลระหว่างรายไดจาก
้
ั
ั
ื่
เบี้ยประกันภัยเทียบกับค่าใช้จ่ายในการชดใช้ค่าสินไหมทดแทน และค่าใช้จ่ายอน ๆ ซึ่งจะเกี่ยวข้องกบการกระจาย
รูปภาพที่ 9-1 การจัดโครงสร้างองค์กรที่เกี่ยวข้องกับการพิจารณารับประกันภัย ความเสี่ยงทั้งในระยะสั้นและระยะยาวที่สร้างผลกำไรได้
2. กระบวนการพิจารณารับประกันภัย 4. ลักษณะของการพิจารณารับประกันภัย
ิ
่
ี
่
ึ
้
ี
ิ
เป็นกระบวนการพจารณาอย่างถถวนถงสภาวะภัยที่อาจจะเพิม หรือลดโอกาสของการเกิดความเสยหาย การพจารณารับประกันภัยโดยทั่วไปสามารถแบ่งได้เป็น 2 ลักษณะ คือ
ึ
และประเมินผลความเสียหายที่อาจจะเกิดขึ้น รวมถงการคัดเลือกภัย การกำหนดเงื่อนไขการคุ้มครอง และขอบเขต 4.1 การพิจารณารับประกันภัยส่วนบุคคล (Personal Line Insurance Underwriting) เช่น
ั
ุ
ั
ิ
ั
ความคุ้มครองที่จะให้ ตลอดจนกำหนดอัตราเบี้ยประกันภัยที่เหมาะสม ประกนภัยอุบัติเหตุส่วนบุคคล ประกนภัยอบัตเหตุการเดินทาง ประกันอคคีภัยสำหรับที่อยู่อาศัย จะใช้ข้อมูลจาก
ั
ึ
่
ั
ั
ั
่
่
ื่
ิ
ั
เพอให้การพจารณารับประกันภัยมีประสิทธิภาพมากที่สุด ผู้พิจารณาการรับประกนภัยจะต้องทราบข้อมูล ใบคำขอเอาประกนภัยที่ผู้ขอเอาประกันภัยกรอกและสงมาเป็นหลัก ซงในปจจุบันนี้บริษทประกนภัยขนาดใหญ
่
์
ิ
ิ
เกี่ยวกับความเสี่ยงแต่ละประเภทให้มากที่สุด ซึ่งจะต้องทำการคดเลือก แบ่งกลุ่ม และกำหนดอตราเบยประกนภัย บางแหงจะใช้โปรแกรมคอมพวเตอรและระบบปัญญาประดิษฐ์ [Artificial Intelligence (A.I.)] ในการพจารณา
ั
ี
ั
ั
้
ั
้
ั
ั
่
ซ่งบริษัทประกันภัยขนาดใหญ่จะมีการจัดทำคู่มอการพิจารณารับประกนภัย (Underwriting Manual) และกำหนด รับประกนภัยตามปัจจัยหลักที่กำหนดไว้ หากใบคำขอเอาประกนภัยรายนนสามารถผานเกณฑ์ของปัจจัยหลักที่
ึ
ื
ั
ั
้
ั
อัตราเบี้ยประกันภัยแต่ละประเภทไว้เป็นการภายใน เพือใช้เป็นแนวทางในการทำงาน ตลอดจนการใช้ทักษะ กำหนดไว้ ก็สามารถจะตกลงรับประกนภัยและออกกรมธรรม์ประกนภัยได้ทันที แต่ถาไม่ผ่านเกณฑ์ของปัจจัยหลักที่
่
ิ
่
ิ
ื
ั
ประสบการณ์ และวิจารณญาณของผู้พิจารณาการรับประกันภัยที่สะสมมาเป็นเวลายาวนานด้วย กำหนดไว้ก็จะสงใบคำขอเอาประกนภัยรายนั้นไปให้ผู้พจารณาการรับประกันภัยเพ่อดำเนนการติดต่อขอข้อมูล
ิ
่
เพิมเติมจากผู้ขอเอาประกันภัยต่อไป อย่างไรก็ตาม การใช้โปรแกรมคอมพวเตอร์และระบบปัญญาประดิษฐ์
ิ
ั
3. หลักการพิจารณารับประกันภัย [Artificial Intelligence (A.I.)] ในการพจารณารับประกันภัยส่วนบุคคลนี้ อาจเกิดช่องโหว่สำหรบ
ุ
ิ
วัตถประสงค์ของการพจารณารบประกนภัย คือ การสรางผลกำไรจากการรับประกนภัยในแต่ละปี โดยมุ่ง ผู้ขอเอาประกันภัยบางรายที่มีเจตนาไม่สุจริต และไม่แถลงข้อความจริงในกรณีที่มีการเอาประกันภัยบางอย่าง เช่น
ั
้
ั
ั
ึ
่
ไปที่การทำให้มีกำไรในระยะยาวอย่างสม่ำเสมอ ซงผู้พิจารณาการรับประกันภัยจะต้องคำนึงถึงหลักการดังต่อไปนี้ การเอาประกันภัยอุบัติเหตุส่วนบุคคล ไว้กับบริษัทประกันภัยหลายแห่งในเวลาเดียวกัน
ิ
ี
ื่
3.1 พยายามรับประกันภัยที่มีจำนวนมากเพยงพอที่จะนำเอาทฤษฎีความน่าจะเป็นและกฎอน ๆ มาใช้ 4.2 การพจารณารับประกันภัยเชิงพาณิชย์ (Commercial Line Insurance Underwriting) จะมี
ี
ุ
้
คำนวณโอกาสการเกิดความเสียหาย และความรุนแรงของความเสียหายได้ ความสลับซับซอนมากกว่าการพิจารณารับประกันภัยส่วนบุคคล โดยเฉพาะในกรณของโรงงานอตสาหกรรมขนาด
ี
่
ึ
3.2 รับประกันภัยที่มีการกระจายตัว ทั้งในแง่ของภูมิศาสตร์ ขนาดของภัย และประเภทของภัย โดยอยู่ ใหญ่ ซงในทางปฏิบัติจะมคนกลางประกันภัย เช่น นายหน้าประกันภัย เป็นผู้จัดทำข้อมูลต่าง ๆ รวมทั้งรายงานการ
ื่
ในวิสัยที่ควบคุมได้ สำรวจภัย (Survey Report) ส่งมาให้ผู้พิจารณาการรับประกันภัยเพอทำการประเมินความเสี่ยง ในบางกรณี บริษัท
่
ั
3.3 รับประกันภัยโดยมุ่งสร้างกลุ่มภัยที่มีลักษณะเหมือนกัน หรือคล้ายคลึงกัน (Homogeneous ประกนภัยก็จะเป็นฝ่ายที่ติดต่อขอเข้าไปทำการสำรวจภัยในโรงงานอุตสาหกรรมแห่งนั้นเอง โดยการสงผู้สำรวจ
้
ิ
่
risks) ให้มากที่สุด เพื่อป้องกันการเกิดความเบี่ยงเบนจากคาเสียหายเฉลี่ยเกินกว่าที่คาดไว้ ความเสี่ยง (Risk Surveyor) หรือวิศวกรประเมนความเสี่ยง (Risk Engineer) เขาไป และนำข้อมูลต่าง ๆ ที่ได้รับ
ู
ิ
ั
ื่
3.4 มุ่งรักษางานที่มีอยู่ไว้ให้นานที่สุด เพราะว่าการได้งานใหม่มาแต่ละงานนั้น บริษัทต้องมีค่าใช้จ่าย จากการสำรวจภัย มาจดทำในรปของรายงานการสำรวจภัย (Survey Report) เพอส่งให้ผู้พจารณาการรับ
ด้านการตลาด และการขายเกิดขึ้นมาก แต่เมื่อบริษัทได้รับงานนั้นแล้ว การรักษางานไว้จะมีค่าใช้จ่ายน้อยลงไปทุกปี ประกันภัยใช้ในการประเมินความเสี่ยง ตลอดจนการกำหนดเงี่อนไขความคุ้มครอง จำนวนเงินเอาประกันภัย และ
ี
ี
ี
ู
ั
เมื่อเทียบกับส่วนของเบี้ยประกนภัยที่มีการต่ออายุ อัตราเบี้ยประกันภัยท่เหมาะสม ดังนั้นผ้สำรวจความเส่ยงหรือวิศวกรประเมินความเสี่ยงจะทำหน้าท่เป็นหูเป็นตา
ุ
แทนผู้พิจารณาการรับประกันภัย ในกรณีที่โรงงานอตสาหกรรมแห่งนั้นมีประวัติการเกดวินาศภัยจากภัยบางอย่าง
ิ
ลขสทธของสมาคมประกนวนาศภยไทย หามนาไปใช้ในการแสวงหากําไรทางการคา ้
ั
ิ
ํ
้
ั
ิ
ิ
ิ
์