Page 128 - InsuranceHandbook
P. 128
บทที่ 9 บทบาทของผู้พิจารณาการรับประกันภัย 109
3.5 ต้องกำหนดอัตราเบี้ยประกันภัยที่พอเหมาะ และสมควรกับสภาพความเสี่ยงของภัยแต่ละราย และ
ของภัยโดยรวมเมื่อมีภัยรายใหม่ ๆ เพิ่มเข้ามาในกลุ่ม
3.6 ต้องทำการชดใช้ค่าสินไหมทดแทนอย่างถูกต้องตรงตามเงื่อนไขความคุ้มครองของ
กรมธรรม์ประกันภัยและหลักการชดใช้ค่าสินไหมทดแทน
3.7 ต้องรับประกันภัยโดยใช้สมมติฐานและหลักเกณฑ์เดียวกันกับที่ใช้ในการกำหนด
อัตราเบี้ยประกันภัยและการกำหนดเงื่อนไขความคุ้มครองสำหรับภัยประเภทเดียวกันนั้น
3.8 คำนึงถึงผลการรับประกันภัยสทธิเสมอเมื่อรับงานใหมเข้ามา เบี้ยประกันภัยที่ได้รับมานั้น จะเป็น
ุ
่
เบี้ยประกันภัยรับก่อนการเอาประกันภัยต่อที่เราเรียกว่าเบี้ยประกันภัยรวม (Gross Premium) หากมีการ
่
เอาประกนภัยตอก็จะต้องหักเบี้ยประกันภัยต่อ (Reinsurance Premium Ceded) ออกไป เบี้ยประกันภัยส่วนที่
ั
ั
เหลือซึ่งเป็นส่วนที่ตกเป็นของบริษัทคือ เบี้ยประกนภัยสุทธิที่เก็บไว้เอง (Retained Premium) จะเป็นส่วนสำคัญที่
ั
ส่งผลต่อกำไร หรือขาดทุนของบริษัท อย่างไรก็ตาม บริษัทประกนภัยจะใช้การประกันภัยต่อเป็นเครื่องมือบริหาร
ความเสี่ยงในการรับประกันภัยรายใหญ่ที่เกินขีดความสามารถในการรับเสี่ยงภัยไว้เอง ดังนั้นการวางแผนในการจัด
ประกันภัยต่อรวมถึงการคัดเลือกผู้รับประกันภัยต่อจึงมีความสำคัญมาก
อย่างไรก็ตาม วัตถุประสงค์ที่แท้จริงของการพิจารณารบประกันภัย คือ การหาสมดุลระหว่างรายไดจาก
ั
้
ื่
ั
เบี้ยประกันภัยเทียบกับค่าใช้จ่ายในการชดใช้ค่าสินไหมทดแทน และค่าใช้จ่ายอน ๆ ซึ่งจะเกี่ยวข้องกบการกระจาย
ความเสี่ยงทั้งในระยะสั้นและระยะยาวที่สร้างผลกำไรได้
4. ลักษณะของการพิจารณารับประกันภัย
การพิจารณารับประกันภัยโดยทั่วไปสามารถแบ่งได้เป็น 2 ลักษณะ คือ
4.1 การพิจารณารับประกันภัยส่วนบุคคล (Personal Line Insurance Underwriting) เช่น
ิ
ุ
ั
ั
ั
ประกนภัยอุบัติเหตุส่วนบุคคล ประกนภัยอบัตเหตุการเดินทาง ประกันอคคีภัยสำหรับที่อยู่อาศัย จะใช้ข้อมูลจาก
่
ั
่
ั
ใบคำขอเอาประกนภัยที่ผู้ขอเอาประกันภัยกรอกและสงมาเป็นหลัก ซงในปจจุบันนี้บริษทประกนภัยขนาดใหญ
่
ั
ั
ึ
ิ
ิ
์
บางแหงจะใช้โปรแกรมคอมพวเตอรและระบบปัญญาประดิษฐ์ [Artificial Intelligence (A.I.)] ในการพจารณา
่
รับประกนภัยตามปัจจัยหลักที่กำหนดไว้ หากใบคำขอเอาประกนภัยรายนนสามารถผานเกณฑ์ของปัจจัยหลักที่
ั
ั
ั
่
้
ั
กำหนดไว้ ก็สามารถจะตกลงรับประกนภัยและออกกรมธรรม์ประกนภัยได้ทันที แต่ถ้าไม่ผ่านเกณฑ์ของปัจจัยหลักที่
ั
ื
ิ
่
กำหนดไว้ก็จะสงใบคำขอเอาประกนภัยรายนั้นไปให้ผู้พจารณาการรับประกันภัยเพ่อดำเนนการติดต่อขอข้อมูล
ิ
ั
่
ิ
เพิมเติมจากผู้ขอเอาประกันภัยต่อไป อย่างไรก็ตาม การใช้โปรแกรมคอมพวเตอร์และระบบปัญญาประดิษฐ์
ิ
ั
[Artificial Intelligence (A.I.)] ในการพจารณารับประกันภัยส่วนบุคคลนี้ อาจเกิดช่องโหว่สำหรบ
ผู้ขอเอาประกันภัยบางรายที่มีเจตนาไม่สุจริต และไม่แถลงข้อความจริงในกรณีที่มีการเอาประกันภัยบางอย่าง เช่น
การเอาประกันภัยอุบัติเหตุส่วนบุคคล ไว้กับบริษัทประกันภัยหลายแห่งในเวลาเดียวกัน
ิ
4.2 การพจารณารับประกันภัยเชิงพาณิชย์ (Commercial Line Insurance Underwriting) จะมี
ุ
้
ความสลับซับซอนมากกว่าการพิจารณารับประกันภัยส่วนบุคคล โดยเฉพาะในกรณของโรงงานอตสาหกรรมขนาด
ี
ี
ใหญ่ ซ่งในทางปฏิบัติจะมคนกลางประกันภัย เช่น นายหน้าประกันภัย เป็นผู้จัดทำข้อมูลต่าง ๆ รวมทั้งรายงานการ
ึ
สำรวจภัย (Survey Report) ส่งมาให้ผู้พิจารณาการรับประกันภัยเพื่อทำการประเมินความเสี่ยง ในบางกรณี บริษัท
ั
ประกนภัยก็จะเป็นฝ่ายที่ติดต่อขอเข้าไปทำการสำรวจภัยในโรงงานอุตสาหกรรมแห่งนั้นเอง โดยการสงผู้สำรวจ
่
้
ความเสี่ยง (Risk Surveyor) หรือวิศวกรประเมนความเสี่ยง (Risk Engineer) เขาไป และนำข้อมูลต่าง ๆ ที่ได้รับ
ิ
ู
ิ
ื่
ั
จากการสำรวจภัย มาจดทำในรปของรายงานการสำรวจภัย (Survey Report) เพอส่งให้ผู้พจารณาการรับ
ประกันภัยใช้ในการประเมินความเสี่ยง ตลอดจนการกำหนดเงี่อนไขความคุ้มครอง จำนวนเงินเอาประกันภัย และ
ู
ี
ี
ี
อัตราเบี้ยประกันภัยท่เหมาะสม ดังนั้นผ้สำรวจความเส่ยงหรือวิศวกรประเมินความเสี่ยงจะทำหน้าท่เป็นหูเป็นตา
แทนผู้พิจารณาการรับประกันภัย ในกรณีที่โรงงานอตสาหกรรมแห่งนั้นมีประวัติการเกดวินาศภัยจากภัยบางอย่าง
ุ
ิ
์
ิ
ิ
ลขสทธของสมาคมประกนวนาศภยไทย หามนาไปใช้ในการแสวงหากําไรทางการคา ้
ิ
้
ํ
ั
ั
ิ