Page 33 - InsuranceJournal132
P. 33
ฎีกาย่อและย่อค�าชี้ขาดอนุญาโตตุลาการ
ค�าพิพากษาศาลฎีกาที่ 8266/2554
โจทก์ บริษัท ว.ประกันภัย จ�ากัด ฎีกาย่อ
จ�าเลย นายสศิพงษ์ ปัทมังหรือปัถมัง กับพวก
แพ่ง กรมธรรม์ประกันภัย ผู้รับประกันภัยรับช่วงสิทธิ (มาตรา 867 วรรคหน่ง, 880)
ึ
�
วิธีพิจารณาความแพ่ง อานาจฟ้อง สืบพยานบุคคลแก้ไขเอกสาร (มาตรา 55, 94)
โจทก์ฟ้อง ขอให้บังคับจ�าเลยทั้งสองร่วมกันช�าระเงินจ�านวน ออกไปรับจ้าง จาเลยท่ 1 ขับรถตัดช่องเดินรถบนถนนวิทยุ เพ่อเข้าซอย
ื
�
ี
ี
ึ
161,629.23 บาท พร้อมดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี ของต้นเงิน นายเลิศซ่งอยู่ฝั่งตรงข้าม แล้วรถได้เฉ่ยวชนกับรถยนต์หมายเลข
�
จานวน 154,216.11 บาท นับถดจากวันฟ้องจนกว่าจะชาระเสร็จ ทะเบียน 8 ฬ - 4672 กรุงเทพมหานคร ที่โจทก์รับประกันภัยไว้ เป็น
�
ั
�
แก่โจทก์ เหตุให้รถคันดังกล่าวได้รับความเสียหาย พันตารวจตรีสันติ พนักงาน
สอบสวนสถานีตารวจนครบาลลุมพินีสอบสวนแล้วมีความเห็นว่า
�
จ�าเลยที่ 1 ขาดนัดยื่นค�าให้การและขาดนัดพิจารณา จ�าเลยที่ 1 เป็นฝ่ายขับรถโดยประมาท จ�าเลยที่ 1 ให้การรับสารภาพ
�
จ�าเลยที่ 2 ให้การและแก้ไขค�าให้การ ขอให้ยกฟ้อง และยอมให้เปรียบเทียบปรับเป็นเงิน 400 บาท ตามสาเนารายงาน
�
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง ค่าฤชาธรรมเนียมให้เป็นพับ ประจาวันเก่ยวกับคดี โจทก์ได้จ่ายค่าซ่อมรถยนต์หมายเลขทะเบียน
ี
โจทก์อุทธรณ์ 8 ฬ - 4672 กรุงเทพมหานคร ให้อยู่ในสภาพเดิมตามสาเนาใบเสร็จรับเงิน
�
ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับ ให้จาเลยท้งสองร่วมกันหรือ จ�าเลยที่ 2 ในฐานะตัวการจึงต้องร่วมกับตัวแทนคือจ�าเลยที่ 1 รับผิด
ั
�
�
ี
แทนกันชาระเงินจานวน 154,216.11 บาท แก่โจทก์พร้อมดอกเบ้ย ต่อโจทก์ในผลแห่งละเมิดท่จาเลยท่ 1 กระทาไปในขอบอานาจแห่ง
�
ี
�
�
�
ี
ในอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี นับแต่วันที่ 30 พฤศจิกายน 2543 เป็นต้นไป ฐานตัวแทนตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 427
จนกว่าจะชาระเสร็จ แต่ดอกเบ้ยคิดถึงวันฟ้องไม่ให้เกิน 7,413.12 บาท คิดเป็นเงิน 161,629.23 บาท
ี
�
�
ี
ี
�
ื
ให้จ�าเลยทั้งสองร่วมกันใช้ค่าฤชาธรรมเนียมทั้งสองศาลแทนโจทก์ จาเลยท่ 2 ฎีกาในเบ้องต้นว่า ในขณะเกิดเหตุจาเลยท่ 2 ไม่ใช่
เจ้าของรถยนต์ หมายเลขทะเบียน 2 ว - 2698 กรุงเทพมหานคร
จ�าเลยที่ 2 ฎีกา เนื่องจากจ�าเลยที่ 2 ขายรถคันดังกล่าวแก่นายจรัสไปก่อนหน้าวันเกิด
ั
้
ี
ศาลฎีกาแผนกคดีพาณิชย์และเศรษฐกิจวินิจฉัยว่า “คดีน เหตแล้ว และจาเลยท 1 ไม่ได้เป็นตวแทนของจาเลยท 2 ขบรถคน
ุ
�
ั
่
ี
ี
ั
�
่
�
ั
�
ี
ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับให้จาเลยท้งสองชาระหน้ให้โจทก์ตามฟ้อง ดังกล่าว เห็นว่า ฎีกาของจ�าเลยที่ 2 ดังกล่าวเป็นการโต้แย้งดุลพินิจใน
ในทุนทรัพย์จ�านวน 161,629.23 บาท ทุนทรัพย์ที่พิพาทกันในชั้นฎีกา การรับฟังพยานหลักฐานของศาลอุทธรณ์ เป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง
ี
ิ
ั
ึ
้
ิ
้
่
จงไมเกนสองแสนบาท ตองหามฎกาในปญหาขอเทจจรงตามประมวล ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 248
้
็
กฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 248 วรรคหนึ่ง แต่คู่ความชอบ วรรคหนึ่ง ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย
ี
ั
ทจะฎีกาปัญหาข้อกฎหมายได้ ในการวินจฉยปัญหาข้อกฎหมาย คดีมีปัญหาที่ต้องวินิจฉัยฎีกาของจ�าเลยที่ 2 ในข้อกฎหมาย
ิ
่
�
ี
่
�
ี
ศาลฎีกาจาต้องถือข้อเท็จจริงตามท่ศาลอุทธรณ์ได้วินิจฉัยจากพยาน เพยงข้อเดียวว่า โจทก์มีอานาจฟ้องหรือไม่ จาเลยท 2 ฎีกาว่า โจทก ์
�
ี
�
หลักฐานในสานวนตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง รับประกันภัยรถยนต์หมายเลขทะเบียน 8 ฬ - 4672 กรุงเทพมหานคร
�
ี
มาตรา 238 ประกอบมาตรา 247 คดีนี้ศาลอุทธรณ์ฟังข้อเท็จจริงเป็น โดยท่กรมธรรม์ประกันภัยเป็นสาเนาเอกสารไม่มีลายมือช่อของ
ื
ั
ยุติว่า เมื่อวันที่ 22 กรกฎาคม 2543 เวลา 20.30 นาฬิกา จ�าเลยที่ 2 กรรมการของโจทก์กบของนายมนสชัยผู้เอาประกนภัยและไม่ได้ประทับ
ั
ั
ึ
ี
�
ี
�
�
ซ่งเป็นตัวการของจาเลยท่ 1 ได้ยินยอมให้จาเลยท่ 1 ขับรถยนต์ ตราสาคัญของโจทก์ สัญญาประกันภัยจึงไม่ผูกพันโจทก์ ผู้เอาประกัน
ั
หมายเลขทะเบียน 2 ว - 2698 กรุงเทพมหานคร ที่เป็นของจ�าเลยที่ 2 ภยย่อมไม่อาจฟ้องร้องให้โจทก์ผ้รบประกนภยรบผดชดใช้ค่าสนไหม
ิ
ั
ั
ู
ิ
ั
ั
วารสารประกันภัย เดือนกรกฎาคม-กันยายน 2559 33