Page 108 - InsuranceHandbook
P. 108

บทที่ 6 เอกสารที่เกี่ยวข้องกับสัญญาประกันภัย  89




 9) ความเสี่ยงภัยที่มีอยู่ในปัจจุบัน   7. ชื่อหรือยี่ห้อของผู้รับประกันภัย

 10) ประวัติการเอาประกันภัย    8. ชื่อหรือยี่ห้อของผู้เอาประกันภัย
 11) คำรับรองว่าข้อความที่แถลงไว้เป็นความจริง   9. ชื่อของผู้รับประโยชน์ ในกรณีที่ผู้เอาประกันภัยระบุให้บุคคลหนึ่งบุคคลใดเป็นผู้รับประโยชน์ตาม
 12) ลายมือชื่อผู้ขอเอาประกันภัย   สัญญาประกันภัย
 13) วันที่ขอเอาประกันภัย   10. วันทำสัญญาประกันภัย คือ วันที่สัญญาประกันภัยระหว่างผู้เอาประกันภัยและผู้รับประกันภัยเกิดขึ้น

 14) คำเตือนของสำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.)   11. สถานที่ และวันที่ได้ทำกรมธรรม์ประกันภัย ซึ่งอาจเป็นวันเดียวกันหรือวันใดวันหนึ่งหลังจากวันทำ
 ั
   (โปรดดูภาคผนวก 1 ตัวอย่างใบคำขอเอาประกันอคคีภัย)    สัญญาประกันภัยก็ได้
 หมายเหตุ: ใบคำขอเอาประกันอัคคีภัยที่มีใช้กันอยู่ยังไม่มีฉบับมาตรฐาน   (โปรดดูภาคผนวก 2 ตัวอย่างตารางกรมธรรม์ประกันอัคคีภัย)


 2. กรมธรรม์ประกันภัย (Insurance Policy หรือ Policy)   2.2 โครงสร้างของกรมธรรม์ประกันภัย
 เมื่อผู้รับประกันภัยตกลงรับประกันภัยก็จะต้องออกกรมธรรม์ประกันภัยที่มีเนื้อความตามที่ตกลงกันไว้  โดยทั่วไปแล้วกรมธรรม์ประกันภัยจะมีโครงสร้างในข้อสาระสำคัญเป็นส่วน ๆ ดังนี้

 ให้แก่ผู้เอาประกันภัย ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 867 วรรคแรกและวรรคสองได้บัญญัติไว้ว่า   2.2.1 หัวกระดาษ (Heading) ได้แก่ ชื่อ และที่อยู่ของผู้รับประกันภัย
 ื
 “อันสัญญาประกันภัยนั้น ถ้ามิได้มีหลักฐานเป็นหนังสืออย่างใดอย่างหนงลงลายมือชื่อฝ่ายที่ตองรับผิดหรือลายมอ  2.2.2 บทนำ (Preamble หรือ Recital Clause) เป็นข้อความในช่วงเริ่มต้นของกรมธรรม์ประกันภัย
 ้
 ่
 ึ
 ชื่อตัวแทนของฝ่ายนั้นเป็นสำคัญ ท่านว่าจะฟ้องร้องให้บังคับคดีหาได้ไม ให้ส่งมอบกรมธรรม์ประกันภัยอันม ี  ที่อาจระบุถึงคู่สัญญาและการขอเอาประกันภัยโดยผู้ขอเอาประกันภัย เพื่อเป็นการเกริ่นนำก่อนเข้าสู่เนื้อหา
 ่
 เนื้อความต้องตามสัญญานั้นแก่ผู้เอาประกันภัยฉบับหนึ่ง”   สาระสำคัญของกรมธรรม์ประกันภัย เช่น “โดยเชื่อถือถ้อยคำในคำขอเอาประกันภัย และเพื่อเป็นการตอบแทนเบี้ย
 กรมธรรม์ประกันภัย (Policy) เป็นคำที่มาจากภาษาอิตาลีว่า Polizza หมายถึง เอกสารที่เป็นหลักฐานของ  ประกันภัยที่ผู้เอาประกันภัยต้องชำระ บริษัทให้สัญญาต่อผู้เอาประกันภัยดังต่อไปนี้………………….”
 ี
 ่
 สัญญาประกันภัยที่มีลายมือชื่อของผู้รับประกันภัยและแสดงรายละเอียดของสัญญาประกันภัย เช่น วัตถุท           2.2.3 ข้อกำหนดความคุ้มครอง (Operative Clause) เป็นส่วนหนึ่งของกรมธรรม์ประกันภัยที่ระบ ุ
 ุ
 เอาประกันภัย จำนวนเงินเอาประกันภัย ชื่อผู้เอาประกันภัย ชื่อผู้รับประกันภัย วันที่สัญญาเริ่มต้นและสิ้นสด และ  ถึงขอบเขตความคุ้มครองตามสัญญาประกันภัย ตามรายละเอียด เงื่อนไข และข้อยกเว้นของกรมธรรม์ประกันภัย
                   ่
 อื่น ๆ ตามที่กฎหมายกำหนด ตลอดจนเงื่อนไขเกี่ยวกับประโยชน์ สิทธิ และหน้าที่ของผู้เอาประกันภัยและ          ได้แก ข้อความที่ระบุไว้อย่างกว้าง ๆ ว่าผู้รับประกันภัยจะคุ้มครองภัยอะไรบ้าง ในทางปฏิบัติส่วนมากจะม ี
                                  ั
 ผู้รับประกันภัย   เอกสารแนบท้ายมาจำกด หรือขยายข้อความเดิมตามแต่กรณี ซึ่งจะต้องอ่านประกอบกับข้อยกเว้นในกรมธรรม ์
 กรมธรรม์ประกันภัยนี้ใช้เพื่อเป็นหลักฐานในการฟ้องร้องดำเนินคดีตามกฎหมายได้ หากไม่มีกรมธรรม ์  ประกันภัยด้วย
 ประกันภัยหรือไม่มีหลักฐานอื่นใด เช่น ใบเสร็จรับเงินที่มีการลงลายมือชื่อของฝ่ายผู้รับประกันภัยที่ยืนยันได้ว่า     บางครั้งอาจเห็นคำว่า “Coverage Agreement” หรือ “Insuring Agreement” ในกรมธรรม ์

 ผู้รับประกันภัยได้มีการตกลงรับประกันภัยไว้แล้ว ก็อาจจะไม่สามารถฟ้องร้องบังคับคดีได้    ประกันภัยภาษาอังกฤษบางฉบับ ซึ่งมีความหมายเช่นเดียวกับคำว่า Operative Clause
                                              ุ้
                     ในการเขียนข้อกำหนดความคมครองสามารถเขียนได้ 2 แบบ คือ
 2.1 รายละเอียดในกรมธรรม์ประกันภัย                  1) แบบระบุภัย (Named Perils Basis) กรมธรรม์ประกันภัยจะระบุชัดเจนว่าคุ้มครองความเสียหาย

    ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 867 วรรคสามได้กำหนดรายการต่าง ๆ ซึ่งจะต้องปรากฏ  ที่เกิดจากภัยใดบ้าง และยกเว้นความเสียหายที่เกิดจากภัยใดบ้าง เช่น กรมธรรม์ประกันอัคคีภัย
 ในกรมธรรม์ประกันภัยไว้ดังนี้       ภัยที่คุ้มครอง (Covered Perils)
 1. วัตถุที่เอาประกันภัย หมายถึง ตัวทรัพย์สิน สิทธิ หรือความรับผิด อันเป็นที่ตั้งของส่วนได้เสีย เช่น        1. …………………………………………..................………………………………………

 สิ่งปลูกสร้าง หรือความรับผิดในชีวิตและทรัพย์สินของบุคคลอื่น   2. …………………………………………..................………………………………………
                                  3. …………………………………………..................………………………………………
 ้
 2. ภัยใดซึ่งผู้รับประกันภัยรับเสี่ยง หมายถึง ชนิดของภัยที่ผู้รับประกันภัยรับเสี่ยง เช่น ไฟไหม ฟ้าผ่า การ  4. …………………………………………..................………………………………………
 ระเบิด                            . ………………………………………………………………...................…………………
                                   . ………………………………………………………………...................…………………
 3. ราคาแห่งมูลประกันภัย ถ้าหากได้กำหนดกันไว้ หมายถึง ราคาของส่วนได้เสีย ถ้าหากคู่กรณีตกลงไว้ก ็

 ต้องระบุไว้ในกรมธรรม์ประกันภัย   ภัยที่ยกเว้น (Excluded Perils)
 4. จำนวนเงินซึ่งเอาประกันภัย หมายถึง จำนวนเงินสูงสุดที่กำหนดไว้เพื่อผู้รับประกันภัยจะต้องชดใช้ถ้า  1. …………………………………………..................………………………………………
 หากมีภัยเกิดขึ้นตามสัญญาประกันภัย   2. …………………………………………..................………………………………………
                                  3. …………………………………………..................………………………………………
 5. จำนวนเบี้ยประกันภัย และวิธีส่งเบี้ยประกันภัย หมายถึง เงินที่ผู้เอาประกันภัยตกลงจะให้เป็นการตอบแทน   4. …………………………………………..................………………………………………


 การรับเสี่ยงภัยของผู้รับประกันภัย จะส่งเป็นงวดเดียวหรือหลายงวดก็ได้                              . ………………………………………………………………...................…………………
                                   . ………………………………………………………………...................…………………
 6. ถ้าสัญญาประกันภัยมีกำหนดเวลา ต้องลงเวลาเริ่มต้น และเวลาสิ้นสุดไว้ด้วย การทำสัญญาประกันภัย
 อาจมีระยะเวลาเริ่มต้น และสิ้นสุดอายุสัญญาก็ได้ เช่น ระยะเวลาเอาประกันภัย 1 ปี เริ่มวันที่ 1 ตุลาคม 25X4
 เวลา 16.00 น. สิ้นสุดวันที่ 1 ตุลาคม 25X5 เวลา 16.00 น. เป็นต้น                        รูปภาพที่ 6-1 ความคุ้มครองแบบระบุภัย (Named Perils Basis)

                                                    ิ
                                                        ั
                                                               ํ
                                                             ้
                                      ิ
                                    ิ
                                   ลขสทธของสมาคมประกนวนาศภยไทย หามนาไปใช้ในการแสวงหากําไรทางการคา ้
                                                  ั
                                       ์
                                       ิ
   103   104   105   106   107   108   109   110   111   112   113