Page 98 - InsuranceHandbook
P. 98
บทที่ 5 หลักส�าคัญของสัญญาประกันภัย 79
คำนวณความรับผิดของกรมธรรม์ประกันภัยที่เกี่ยวข้องได้ ดังนี้ ผู้รับประกันภัยรายที่ 2 รับผิด 8,000,000 - 100,000 = 7,900,000 บาท แต่กรมธรรม์จำกัดความรับผิด
ผู้รับประกันภัยรายที่ 1 รับผิด 3,000,000 – 200,000 = 2,800,000 บาท ไว้ 2,000,000 บาท
ผู้รับประกันภัยรายที่ 2 รับผิด 3,000,000 – 200,000 = 2,800,000 บาท
ั
ั
ู
้
แต่กรมธรรม์ประกันภัยจำกัดความรับผิดไว้ = 1,000,000 บาท สรุป ผรบประกนภัยรายที่ 1 ชดใช้ 4,000,000 บาท ส่วนผู้รับประกนภัยรายที่ 2 ชดใช้ 2,000,000 บาท
ั
ผลรวมของความรับผิดของกรมธรรม์ประกนภัยที่เกี่ยวข้อง คือ ซงเป็นจำนวนที่ไม่เกินจำนวนเงินจำกัดความรับผิดตามที่ระบุไว้ในกรมธรรม์ประกันภัยแต่ละฉบับ
ึ
ั
่
2,800,000 บาท + 1,000,000 บาท = 3,800,000 บาท
6. หลักสาเหตุใกล้ชิด หรือหลักเหตุใกล้ชิด (Principle of Proximate Cause)
แทนค่าตามสูตรคำนวณ ทฤษฎีว่าด้วยหลักสาเหตุใกล้ชิด เป็นทฤษฎีที่เกี่ยวข้องกับการจัดการด้านการชดใช้คาสนไหมทดแทน
่
ิ
ุ
ึ
ผู้รับประกันภัยรายที่ 1 รับผิด = 2,800,000 × 3,000,000 = 2,210,526.32 บาท อย่างแท้จริง โดยบริบทของทฤษฎีจะกล่าวถงการวิเคราะห์ความน่าจะเป็นรวมถึงการระบสาเหตุที่เป็นสาเหตุหลัก
3,800,000 (Dominant Cause) ของการเรียกร้องความเสยหายภายใต้กรมธรรม์ประกันภัย รวมถึงการให้ความกระจ่างเพือ
่
ี
ผู้รับประกันภัยรายที่ 2 รับผิด = 1,000,000 × 3,000,000 = 789,473.68 บาท ตอบคำถามเกี่ยวกับภัยที่อาจเป็นปัญหาต้นเหตุของความเสียหายดังกล่าว
3,800,000
ในทางปฏิบัต เราจะพบว่าสาเหตุของความเสียหายที่เกิดขึ้นส่วนมากมกจะเกิดจากภัย ๆ เดียวซึ่งทำให้
ิ
ั
ื
การระบุสาเหตุความเสียหายที่แท้จริงจึงไม่ใช่เรื่องยากหรอซับซ้อนว่าผู้รับประกันภัยมีความรับผิดในความเสียหาย
์
สรุป ผู้เอาประกันภัยได้รับค่าสินไหมทดแทนจากกรมธรรมประกันภัยทั้งสองฉบับรวมกัน 3,000,000 บาท
ี
์
ซึ่งอธิบายในรายละเอียดได้ ดังนี้ ภายใต้กรมธรรมประกันภัยหรือไม่ ในทางตรงกันข้าม ในกรณีที่มีสาเหตุของความเสยหายมากกว่าหนึ่งสาเหตุ
ั
้
่
่
ซงหนึ่งในสาเหตุดังกล่าวเกิดจากภัยที่ไมไดเอาประกนภัย (Uninsured Peril) หรือเกิดจากภัยที่ยกเว้น (Excluded
ึ
ุ
Peril) ของกรมธรรมประกันภัย ในกรณีเช่นนี้ ผู้รับประกันภัยจำเป็นต้องระบสาเหตุหลัก (Dominant Cause) ที่
์
เป็นสาเหตุใกล้ชิด (Proximate Cause) ของความเสียหายในครั้งนี้ ประเด็นสำคญในการหาสาเหตุใกล้ชิดนั้นไม่
ั
่
ั
ิ
่
เมื่อหักความรับผิดสวนแรกที่ผู้เอาประกนภัยจะตองรับผดชอบเองของแตละกรมธรรม์ประกันภัยออกแล้ว
้
ผู้รับประกันภัยรายแรกจึงรับผิด 2,800,000 บาท (3,000,000 – 200,000 = 2,800,000 บาท) ส่วนความรับผิด จำเป็นจะต้องเป็นสาเหตุแรก หรือสาเหตุสุดท้ายที่เกิดขึ้นโดยฉับพลันก่อนที่จะนำไปสู่ความเสียหายเสมอไป
่
ุ
้
ิ
ี
ั
ั
ของผู้รับประกันภัยรายที่สองคือ 1,000,000 บาท ตามจำนวนเงนจำกดความรบผิด ดังนั้น สัดส่วนความรับผิดของ คำนิยามที่นิยมนำมาใช้อางองมากทสดในหลักการนี้มาจากกรณีศึกษาของ Pawley v. Scottish Union &
ิ
ื
ู
ั
้
ั
ผู้รับประกันภัยทั้งสองราย คอ 2.8 : 1 ดังนั้น ผรบประกนภัยรายแรกชดใช้ 2,210,526.32 บาท ผู้รับประกนภัย National Insurance Company (1907) ซึ่งให้คำจำกัดความนี้ว่า “ Proximate cause means the active,
ั
รายที่สองชดใช้ 789,473.68 บาท efficient cause that sets in motion a train of events which brings about a result, without the
intervention of any force started and working actively from a new and independent source” ซึ่งแปล
้
เป็นภาษาไทย ไดว่า “สาเหตุใกล้ชิดหมายถึงสาเหตุที่มีพลังและมีประสิทธิภาพซึ่งก่อให้เกิดเหตุการณ์เกิดขึ้นต่อเนื่อง
ตัวอย่างที่ 3 กรณีความรับผิดของผู้เอาประกันภัยเกินจำนวนเงินจำกัดความรับผิดของทั้ง 2 กรมธรรม์ และ
มการกำหนดความรับผิดส่วนแรกหรือความเสียหายส่วนแรก (Deductible) ที่ผู้เอาประกันภัยจะต้องรับผิดชอบเอง และนำไปสู่ความเสียหายโดยไม่มีเหตุการณ์หนึ่งเหตุการณ์ใดที่เกิดขึ้นใหม่และเป็นอิสระแยกออกจากเหตุการณ์เดิม
ี
้
ไว้ด้วย เข้ามาแทรก” โดยสรุปอาจกล่าวได้ว่า ผู้รับประกันภัยจะรับผิดเฉพาะความเสียหายที่มีสาเหตุใกล้ชิดจากภัยที่ไดเอา
ั
ี
สมมุติว่ามกรมธรรม์ประกันภัยความรับผิดตามกฎหมายต่อบุคคลภายนอกที่เกี่ยวข้องอยู่ 2 ฉบับ โดย ประกนภัยไว้ หรืออกนัยหนึ่ง ผู้รับประกันภัยไม่ต้องรับผิดหากความเสียหายเกิดขึ้นจากสาเหตุใกล้ชิดที่ไม่ได้เอา
ี
ุ
ี
ผู้รับประกันภัยรายที่ 1 มจำนวนเงินจำกัดความรับผิด 4,000,000 บาทต่อเหตุการณ์แต่ละครั้งและตลอดระยะเวลา ประกันภัย หรือจากสาเหตใกล้ชิดซึ่งเป็นภัยที่ยกเว้น หลักสาเหตุใกล้ชิดจะเกี่ยวข้องโดยตรงกับความสัมพันธ์
ึ
่
ุ
ึ
ั
ั
ประกนภัย และได้กำหนด Deductible ไว้ 200,000 บาทต่อเหตุการณ์แต่ละครั้ง ส่วนผู้รับประกนภัยรายที่ 2 ม ี ระหว่างเหตและผล (Causation) ซง “เหตุ” จะหมายถงภัยที่ก่อให้เกิดความเสียหาย ส่วน “ผล”จะหมายถึงความ
ั
จำนวนเงินจำกัดความรับผิด 2,000,000 บาทต่อเหตุการณ์แต่ละครั้งและตลอดระยะเวลาประกันภัย และได้กำหนด เสียหายที่เกิดขึ้นต่อวัตถุที่เอาประกนภัย ปัญหาที่เกี่ยวกับการวิเคราะห์สาเหตุใกล้ชิดในที่นี้คือ การแทรกของ
ุ
Deductible ไว้ 100,000 บาทต่อเหตุการณ์แต่ละครั้ง เหตุการณ์ใหม่ที่เกิดขึ้น (New and Independent Cause) ดังนั้น การจะสรปว่าความเสียหายจะได้รับความ
หากความรับผิดของผู้เอาประกันภัยรวมคาใช้จ่ายในการต่อสู้คดี (หากคุ้มครอง) มีจำนวน 8,000,000 บาท คุ้มครองหรือไม่ ผู้รับประกันภัยจะต้องกำหนดแนวทางการพิจารณาเบื้องต้น ดังนี้
่
การแบ่งความรับผิดตามสัดส่วนระหว่างผู้รับประกันภัยรายที่ 1 กบผู้รับประกันภัยรายที่ 2 จะเป็นไปตามจำนวนเงิน 1. อะไรคือสาเหตุใกล้ชิดของความเสียหายที่เกิดขึ้น
ั
้
ุ้
ั
จำกัดความรบผิดของแต่ละกรมธรรม์ และข้อกำหนดข้อ 9 ของหมวดที่ 4 และวรรคท้ายของขอกำหนดข้อ 10 ซึ่ง 2. สาเหตุใกล้ชิดดังกล่าวเป็นภัยที่ไดรับความคมครองตามกรมธรรม์ประกันภัยหรือไม่
้
ั
์
ผู้รับประกันภัยจะรับผิดไม่เกินจำนวนเงินจำกัดความรับผิดที่ระบุไว้ในตารางกรมธรรมประกนภัย โดยตองนำความ
้
่
ั
่
ี
รับผิดส่วนแรกหรือความเสยหายสวนแรก (Deductible) ที่ผู้เอาประกนภัยจะต้องรับผิดชอบเองของแตละ ตัวอย่าง กรณีศึกษาของ Leyland Shipping v. Norwich Union Fire Insurance Security (1918)
กรมธรรม์ประกันภัยไปหักออกจากความรับผิดของผู้เอาประกันภัยก่อน เรือโดยสารได้รับความเสียหายอย่างหนักจากตอร์ปิโดในระหว่างการเดินทางในช่วงสงคราม กัปตันจึงพยายามนำ
้
่
ื
้
ื
่
ื
คำนวณความรับผิดของกรมธรรม์ประกันภัยที่เกี่ยวข้องได้ดังนี้ เรือเข้าฝั่งเพอทำการซ่อมแซม แต่ได้รับการปฏิเสธจากนายทาเรอซึ่งเกรงว่าเรืออาจจะจมขวางทางนำทำใหเรอลำ
ื่
่
ั
ผู้รับประกันภัยรายที่ 1 รับผิด 8,000,000 - 200,000 = 7,800,000 บาท แต่กรมธรรม์จำกัดความรับผิดไว้ อนเข้าออกไมได้ จึงไม่อนุญาตให้นำเรือเข้าฝั่ง ทำให้เรือต้องเดินทางต่อไปในทะเลและได้ประสบกบพายุไซโคลน
4,000,000 บาท ขนาดใหญ่ในเวลาต่อมา ทำให้เรือที่ได้รับความเสียหายอยู่ก่อนแล้วจมลงในเวลาต่อมา ในกรณีนี้ศาลพิจารณาว่าแม ้
ึ
พายุไซโคลนจะเป็นเหตุการณ์สุดท้ายที่เกิดขึ้นก่อนเรือจะจม แต่สาเหตุหลักที่แท้จริงที่ทำให้เรือจมคือตอร์ปิโดซง
่
ิ
ิ
ลขสทธของสมาคมประกนวนาศภยไทย หามนาไปใช้ในการแสวงหากําไรทางการคา ้
ั
้
ํ
ิ
์
ิ
ั