Page 74 - InsuranceHandbook
P. 74
บทที่ 5 หลักส�าคัญของสัญญาประกันภัย 55
ิ
้
ั
้
ิ
ทรัพย์สิน การติดต้งระบบพรมนำดับเพลงอัตโนมัติ (Automatic Sprinkler System) ในอาคารสูง เป็นต้น เปิดเผยตามหน้าที่จึงกล่าวไปโดยผิดความจรงบางหรือกล่าวเป็นความเท็จทั้งหมดนั้นย่อมทำให้สัญญาประกันภัย
ิ
ั
ี
แต่ถ้าผู้เอาประกันภัยเปิดเผยข้อความจริงนี้ให้ผู้รับประกันภัยทราบก็จะได้รับส่วนลดอตราเบี้ยประกันภัยด้วย ตกเป็นโมฆียะเช่นเดยวกบการไม่เปิดเผยข้อความจริงหรือการปกปิดข้อความจรงตามประมวลกฎหมายแพงและ
่
ั
้
(4) ข้อความจริงที่ผู้รับประกันภัยสละสิทธิ์ที่จะหาข้อมูล (Facts where the Insurer has waived its พาณิชย์ มาตรา 865 ซึ่งผู้รับประกันภัยมีสิทธิ์บอกล้างสัญญาไดภายในระยะเวลาที่กฎหมายกำหนด
ั
ั
right to the information) ข้อความจริงเหลาน้รวมถึงข้อความจริงซึ่งผู้เอาประกนภัยให้ข้อมูลเพียงบางส่วน หรือ กรมธรรม์ประกันอคคีภัยได้ระบุไว้ในเงื่อนไขทวไปในการรบประกันภัย ข้อ 2. การตกเป็นโมฆยะของ
ั
่
ี
ี
่
ั
่
้
ให้ข้อมูลไม่ครบ หรือไมได้ตอบคำถามบางข้อในใบคำขอเอาประกันภัย โดยที่ผู้รับประกันภัยก็ไม่ได้สนใจที่จะติดตาม กรมธรรม์ประกันภัยดังนี้ “ถ้าไดมการบรรยายคลาดเคลื่อนในสาระสำคัญแห่งทรัพย์สินที่เอาประกันภัย หรือ
ี
้
่
หาข้อมูลหรือคำตอบในเรื่องเหล่านี้ จะถือว่าผู้รับประกันภัยได้สละสิทธิ์ในข้อมูลเหล่านั้น และไมสามารถจะอางใน ในสาระสำคญแห่งสิ่งปลูกสร้างหรอสถานที่ตั้งของทรัพย์สินหรือสิ่งปลูกสร้างดังกล่าวหรือในข้อความจริง
ั
ื
ั
ื
ี
้
่
์
็
ั
ิ
่
่
เรื่องของการไมเปิดเผยข้อความจริง (Non-Disclosure) ในอนาคตได้อีก เช่น ในการขอเอาประกันภัยรถยนต อันเปนสาระสำคญอันจำเป็นต้องรู้เพือการประเมนความเสี่ยงภัย หรือเพอการกำหนดเบยประกนภัย หรือมีการ
์
ั
่
ั
ภาคสมัครใจประเภทระบุชื่อผู้ขับขี่ ซึ่งผู้รับประกันภัยกำหนดให้ผู้เอาประกันภัยต้องระบุชื่อผู้ขับขี่ที่ประสงค์จะให้ ละเว้นไมเปิดเผยข้อความจริงดังกล่าวนั้น ให้ถือว่าสัญญาประกนภัยตามกรมธรรมประกนภัยฉบับนี้ตกเป็นโมฆียะ
บริษัทคุ้มครองพร้อมกับระบุวัน/เดือน/ปีเกิด และอาชีพของแต่ละบุคคลไว้ด้วย และเพือมิให้มีปัญหาโต้แย้งกันใน และบริษัททรงไว้ซึ่งสิทธิในการบอกล้างสัญญาประกันภัยนี้ภายในระยะเวลาที่กฎหมายกำหนด”
่
ี
ภายหลังไดว่า ผู้ขอเอาประกันภัยมีเจตนาจะปกปิด หรือแถลงเท็จเกี่ยวกับอายุ หรือความสามารถในการขับรถยนต์ ตัวอย่าง นาย ส. มีความประสงค์จะเอาประกันอัคคภัย สิ่งปลูกสร้างซึ่งเป็น “เพิงไม้หลังคามงจาก” ที่ใช้
ุ
้
ั
ของผู้ขับขี่ จึงกำหนดให้ผู้เอาประกันภัยแนบสำเนาบัตรประจำตัวประชาชน และสำเนาใบอนุญาตขับขี่ไปพรอมกบ เป็นร้านขายอาหารตามสั่ง แต่เกรงว่าการกรอกในใบคำขอเอาประกันภัยตามความเป็นจริงอาจทำให้ผู้รับประกันภัย
้
ั
ั
ใบคำขอเอาประกันภัยด้วย และหากบริษัทตกลงรับประกันภัย โดยที่ผู้ขอเอาประกันภัยมิได้แนบหลักฐานทั้งสองมา ปฏิเสธการรับประกนอคคภัย หรือคิดเบี้ยประกนภัยเพิ่มจากปกติ จึงกรอกในใบคำขอเอาประกันภัยว่าเป็น “อาคาร
ั
ี
ด้วยแล้ว ต้องถือว่าบริษัทไม่ติดใจในส่วนที่เกี่ยวข้องกับข้อมูลดังกล่าว บริษัทจะยกขึ้นมากล่าวอ้างในภายหลังมิได้ว่า คอนกรีตชั้นเดียว” ซงผู้รับประกนภัยตกลงรับประกนภัยโดยไมได้ส่งเจ้าหน้าที่ไปสำรวจภัยก่อนการรับประกันภัย
่
ั
่
ึ
ั
่
ั
ิ
ผู้ขอเอาประกันภัยปกปิด หรือแถลงเท็จเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าว หรือขอรูปถ่ายประกอบใบคำขอเอาประกนภัย เนื่องจากเห็นว่ามจำนวนเงนเอาประกนภัยไมมากนัก ต่อมาร้าน
ี
ั
ั
ี
(5) ข้อความจริงที่เกินกว่าความจำเป็น เพราะมคำรบรองโดยชัดแจ้ง (Express Warranty) หรือคำรับรอง ขายอาหารตามสั่งที่เอาประกันภัยสิ่งปลูกสร้างไว้นี้ได้รับความเสียหายจากไฟไหม้ ผู้รับประกันภัยได้จัดส่งเจ้าหน้าที่
ี
โดยปริยาย (Implied Warranty) ในส่วนของข้อเท็จจริงนั้นแล้ว เช่น ผู้เอาประกันภัยไม่จำเป็นต้องแจ้งให้ ไปสำรวจความเสยหายและพบว่าเป็นเพงไม้หลังคามุงจากซึ่งไม่ตรงกับข้อมูลในใบคำขอเอาประกันภัยที่ระบุว่าเป็น
ิ
ั
ผู้รับประกันภัยทราบว่าสินค้าที่ตนเองทำประกันภัยสินค้าที่ขนส่งทางทะเลไว้นั้นเป็นสิ่งของที่ชอบดวยกฎหมายและ อาคารคอนกรีตชั้นเดียว กรณีเช่นนี้ ผู้รับประกนภัยสามารถใช้สิทธิในการบอกล้างสัญญาประกนภัยตามประมวล
์
ั
้
ี
ไม่ได้นำไปใช้ในทางที่ผิดกฎหมาย เป็นต้น เนื่องจากเป็นข้อเท็จจริงที่เกินกว่าความจำเป็น ทั้งนี้เพราะมีคำรับรองโดย กฎหมายแพงและพาณชยมาตรา 865 ภายใน 1 เดือนนับจากวันทผู้รับประกันภัยทราบข้อมูลจะบอกล้างนี้ได้
่
ิ
์
่
็
ื
่
้
ั
้
็
ปริยายในกฎหมายบังคบไว้แลวว่าการเสี่ยงภัยที่ได้ทำประกันภัยไว้นั้นจะต้องเป็นสิ่งที่ชอบด้วยกฎหมาย เนองจาก นาย ส. ในฐานะผู้เอาประกันภัยได้จงใจแถลงขอความเทจที่เปนสาระสำคญ (Fraudulent Misrepresentation)
ั
ิ
(Implied Warranty of Legality) ในสาระสำคัญแห่งสิ่งปลูกสร้างจาก “เพงไม้หลังคามุงจาก” เป็น “อาคารคอนกรีตชั้นเดียว” ให้แก่ผู้รับประกันภัย
(6) ข้อความจริงซึ่งควรจะถูกเปิดเผยเมื่อมีการเขาไปสำรวจ (Facts that a survey should have ซ่งขัดต่อหลักความสุจริตอย่างยิ่งของสัญญาประกันภัย
ึ
้
ี
revealed) จะใช้เฉพาะในกรณีที่ผู้รับประกันภัยมการเข้าไปสำรวจภัยจริง ๆ โดยมีข้อแม้ว่าผู้ขอเอาประกันภัยไม่ได้ การพสูจน์เกี่ยวกับการแถลงข้อความเท็จที่มีสาระสำคัญนี้ ผู้รับประกันภัยจะต้องพสูจน์ให้ได้ว่า
ิ
ิ
ั
ื
ปิดบังเรื่องใด ๆ แก่ผู้สำรวจภัย หากผู้สำรวจภัยพลาดบางสิ่งบางอย่างซึ่งเป็นข้อความจริงที่เป็นสาระสำคญ ผู้เอาประกันภัยทราบความจริงเหล่านั้นอยู่แล้วว่า อาจจะมผลให้ผู้รับประกันภัยปฏิเสธการรับประกนภัย หรอ
ี
ั
ผู้รับประกนภัยก็ไม่สามารถจะอ้างในเรื่องที่ผู้เอาประกันภัยไม่เปิดเผยข้อความจริงนี้ในภายหลังได ้ อาจจะรับประกนภัยโดยคิดเบี้ยประกันภัยในอตราที่สูงขึ้น โดยที่ผู้เอาประกันภัยมีเจตนาแถลงข้อความเท็จเพอให้
ั
ั
ื่
ั
ั
(7) ข้อความจริงซึ่งผู้ขอเอาประกนภัยไมทราบ (Facts that the Proposer does not know) กรณีนี้ ผู้รับประกนภัยตกลงใจรับประกันภัยรายนี้
่
ั
์
จะมีความแตกต่างในการประยุกตใช้ระหว่างผู้ขอเอาประกันภัยที่เป็นบุคคลธรรมดากับผู้ขอเอาประกนภัยที่เป็น
ั
ุ
สถานประกอบธุรกิจ สำหรับผู้ขอเอาประกันภัยที่เป็นบุคคลธรรมดาจะต้องมีการทดสอบว่าเป็นการสมเหตสมผล 2.2.3 การไม่ปฏิบัติตามคำรับรอง (Non-Compliance to Warranties)
ั
ั
ั
ั
้
ิ
หรือไม่ที่จะคาดหวังให้ผู้ขอเอาประกนภัยเปดเผยข้อความจริงที่เป็นสาระสำคญ และเป็นการแสดงขอความอนเป็น คำรับรอง (Warranty) หมายถึงคำมั่นสัญญาของผู้เอาประกันภัยที่ให้ต่อผู้รับประกนภัยในขณะ
เท็จโดยไม่มีเจตนา (Innocent Misrepresentation) หรือไม่ ขอเอาประกันภัยว่า เมื่อได้ทำสัญญาประกันภัยขึ้นแล้ว ผู้เอาประกันภัยจะกระทำหรอไมกระทำบางสิ่งบางอย่าง
ื
่
หรือจะปฏิบัติตามเงื่อนไข หรือให้ข้อมูลตามข้อเท็จจริงโดยไมปิดบัง ซึ่งในสัญญาประกันภัยหนึ่งอาจมีคำรับรอง
่
2.2.2 การแถลงข้อความเท็จ (Misrepresentation) เพียงข้อเดียว หรือหลายข้อ ซึ่งผู้เอาประกนภัยต้องปฏิบัติตามคำรับรองที่มีโดยเคร่งครัด หากผู้เอาประกันภัยปฏิบัติ
ั
ั
ิ
การแถลงข้อความเท็จ (Misrepresentation) หมายถึง การกล่าวข้อความจรงใด ๆ ของผู้เอาประกนภัย ผิดไปจากคำรับรอง (Breach of Warranties) หรือไม่ปฏิบัติตามคำรับรอง (Non-Compliance to Warranties) ที่
ั
ั
ในขณะขอทำสญญาประกนภัยเป็นความเท็จ ไม่ว่าข้อความนั้นผู้เอาประกันภัยจะกล่าวขึ้นเองหรือกล่าวเนื่องจาก มีอยู่ในสัญญาประกันภัย ผู้รับประกนภัยมีสิทธิที่จะปฏิเสธความรับผิดตามสัญญาประกนภัยได้ เนื่องจาก
ั
ั
้
ู
้
ั
ั
ั
ั
การตอบคำถามของผรบประกนภัยในขณะทำสญญาประกันภัย ผู้เอาประกนภัยจะตองกล่าวข้อความจริงทั้งหมด ผู้รับประกันภัยหลุดพ้นจากความรับผิดนับแต่ผู้เอาประกันภัยมีการฝ่าฝืนคำรับรองที่ให้ไว้
การแถลงข้อความเท็จนี้อาจเกิดขึ้นโดยคำพดเจรจาตอรองในการทำสัญญาประกนภัยซึ่งเป็นการพูดตอบโต้กัน ตัวอย่างเงื่อนไขทั่วไปในกรมธรรมประกันอคคีภัย ข้อ 4. “การผิดคำรับรอง เมื่อผู้เอาประกันภัยมีหน้าที่ที่
ั
่
ู
์
ั
ต่อหน้า หรือทางโทรศัพท์ เอกสารตอบโต้ หรือข้อความที่กรอกในใบคำขอเอาประกนภัย การแถลงข้อความเท็จนี้ จะต้องปฏิบัติตามข้อรับรองต่าง ๆ ที่แนบท้ายกรมธรรม์ประกันภัยฉบับนี้ แต่เจตนาไม่ปฏิบัติตามขอรับรองดังกล่าว
ั
้
แตกต่างจากการไม่เปิดเผยข้อความจริง (Non-Disclosure) และการปกปิดข้อความจริง (Concealment) จนเป็นเหตุให้ทรัพย์สินที่เอาประกันภัยนั้นมีความเสี่ยงสูงขึ้น บริษัทมีสิทธิปฏิเสธการชดใช้ค่าสินไหมทดแทนสำหรับ
ี
คือ ข้อความจริงที่ผู้เอาประกันภัยแถลงตามข้อนี้อาจไม่ใช่ข้อความจริงที่ผู้เอาประกันภัยมหน้าที่จะต้องเปิดเผย ความเสียหายอันเนื่องมาจากความเสี่ยงภัยที่สูงขึ้นนั้น”
ตามข้อ 2.2.1 แต่เมื่อผู้รับประกันภัยมีความประสงค์จะทราบ ผู้เอาประกันภัยจะต้องตอบข้อความเหล่านั้น
ตามความจริงทั้งหมด การกลาวถึงความเชือ (Belief) หรือความเห็น (Option) ที่ผิดไปจากความจรงตามปกติ
่
่
ิ
ไม่ถือว่าเป็นการแถลงข้อความเท็จ ผู้เอาประกันภัยจะถือว่าข้อความจริงเหล่านั้นไม่ใช่ข้อสาระสำคัญที่จะต้อง
ิ
ั
์
ั
ิ
ลขสทธของสมาคมประกนวนาศภยไทย หามนาไปใช้ในการแสวงหากําไรทางการคา ้
ํ
้
ิ
ิ