Page 88 - InsuranceHandbook
P. 88
บทที่ 5 หลักส�าคัญของสัญญาประกันภัย 69
4. หลักการรบช่วงสิทธิ (Principle of Subrogation) การกระทำของมนุษย์ เช่น ภูเขาไฟระเบิด แผ่นดินไหว ฟ้าผ่า อุทกภัย วาตภัย เป็นตน การรับช่วงสิทธิจะเกิดขึ้นได้
ั
้
ิ
หลักการรับช่วงสิทธิ เป็นหลักกฎหมายที่สนับสนุนหลักการชดใช้ค่าสินไหมทดแทน มใช้เฉพาะในการ ก็ต่อเมื่อเป็นวินาศภัยที่เกิดขึ้นจากการกระทำของมนุษย์เท่านั้น และผู้ก่อให้เกดวินาศภัยนั้นจะต้องไม่ใช่
ี
ประกนวินาศภัยเท่านั้น โดยสิทธินี้จะเกิดขึ้นภายหลังจากที่ผู้รับประกันภัยได้จ่ายค่าสินไหมทดแทนให้แก่ ผู้เอาประกันภัย หรือผู้รับประโยชน์ เพราะการเกิดวินาศภัยด้วยความทุจริต หรือประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรงของ
ั
ื
ั
ั
ั
่
ผู้เอาประกนภัย ซงเป็นผู้ได้รับความเสียหายจากการกระทำละเมิดของคู่กรณีหรือบุคคลภายนอก ไปแล้วเป็นจำนวน ผู้เอาประกนภัยหรือผู้รับประโยชน์ ถอว่าเป็นภาวะภัยที่ผู้รับประกนภัยไม่ต้องรับผิดชดใช้ค่าสินไหมทดแทนตาม
ึ
ั
ั
เท่าไร ผู้รับประกนภัยจะได้รับช่วงสิทธิจากผู้เอาประกันภัยในการไปไล่เบี้ยเรียกร้องค่าสินไหมทดแทนที่จ่ายไปแล้ว สัญญาประกนภัยอยู่แล้ว
นั้นคืนจากคู่กรณีหรือบุคคลภายนอกนั้น
ิ
ั
ี
ั
หลักการรับช่วงสิทธิมความสมพันธ์อย่างใกล้ชิดกับหลักการชดใช้ค่าสนไหมทดแทน การที่ผู้รับประกนภัย
ั
ตัวอย่าง การที่รถยนต์นั่งส่วนบุคคลของ นาย ก. ซึ่งเอาประกนภัยรถยนตภาคสมัครใจประเภท 1 ไว้กับ จะรับช่วงสิทธิจากการจ่ายค่าสินไหมทดแทนของตนได้ ต้องเป็นการจ่ายค่าสินไหมทดแทนอนเนื่องมาจากการเกิด
์
ั
ี
ั
บริษัทประกนภัย A ถูกรถเมล์เล็ก ซึ่ง นาย ข. เป็นเจ้าของและผู้ขับขี่ชนท้ายได้รับความเสียหาย ในอุบัติเหตุครั้งนี้ วินาศภัยที่อยู่ในความรับผิดตามสัญญาประกนภัยเท่านั้น การจ่ายค่าสินไหมทดแทนโดยสำคัญผิดว่าตนม
ั
ั
ั
ั
ั
่
ึ
นาย ก. ซึ่งเป็นผู้เสียหายได้แจ้งเหตุไปยังบริษัทประกันภัย A ทันที ซงบริษัทได้ส่งเจ้าหน้าที่มายังที่เกิดเหตุและ ความรับผิดตามสญญาประกนภัย เช่น สำคญว่าผู้เอาประกนภัยมีส่วนได้เสียในวัตถุที่เอาประกันภัยในขณะที่เกิด
ดำเนินการตามขั้นตอนต่าง ๆ จนเรียบร้อยและคู่กรณีคือ นาย ข. ก็ยอมรับผิด ภายหลังจากที่บริษัทประกันภัย A ได ้ วินาศภัยหรือโดยสำคัญผิดว่ากรมธรรม์ประกันภัยมีผลบังคับในขณะเกิดวินาศภัย ผู้รับประกันภัยไม่มีสิทธิ์ไปรับช่วง
ั
่
ิ
ั
ดำเนนการซอมแซมรถของ นาย ก. กลับคืนสู่สภาพเดิมแล้ว บริษทประกนภัย A จะรับช่วงสิทธิจาก นาย ก. ไป สิทธิจากผู้เอาประกันภัยหรือผู้รับประโยชน์ตามกฎหมาย
่
ึ
เรียกร้องค่าสินไหมทดแทนคนจาก นาย ข. ซึ่งในทางปฏิบัติ บริษัทประกันภัย A อาจจะเรียกร้องได้ไม่เต็มจำนวน นอกจากนี้ การชดใช้สินไหมกรุณา (Ex Gratia Payment) ซงเป็นเงินที่ผู้รับประกันภัยจ่ายให้แก่
ื
ึ
็
ิ
่
ี
ั
ั
เพราะ นาย ข. ไม่มีเงินพอที่จะชดใช้ และไม่ได้เอาประกนภัยรถยนต์ภาคสมครใจไว้เลย แต่ถ้า นาย ข. ได้ ผู้เอาประกันภัยซงเป็นผู้เรียกร้องค่าเสียหาย แม้ผู้รับประกันภัยจะมความเหนว่าการเกดวินาศภัยนั้นไม่อยู่ใน
ื
ั
ั
่
ิ
็
ั
์
เอาประกันภัยรถยนตภาคสมัครใจไว้กบบริษัทประกันภัย B บริษัทประกันภัย A กจะไปดำเนนการเรียกร้อง ความรับผิดตามสญญาประกนภัย เช่น เป็นภัยที่ยกเว้น หรอไมได้ซื้อการขยายความคุ้มครองไว้ โดยหลักการ
ั
ค่าสินไหมทดแทนคืนจากบริษัทประกันภัย B โดยตรง ชดใช้ค่าสินไหมทดแทนแล้วผู้รับประกันภัยไม่ต้องชดใช้ค่าสินไหมทดแทนให้ผู้เอาประกนภัย แต่ด้วยเหตุผลทางด้าน
ั
การตลาดผู้รับประกันภัยมีความเห็นใจผู้เอาประกนภัยในความเสยหายที่เกิดขึ้น จึงตัดสินใจจ่ายเงินจำนวนหนึ่งให้
ี
ผู้เอาประกันภัยรับไปบรรเทาความเสียหาย กรณีนี้ ผู้รับประกันภัยย่อมไม่ได้รับช่วงสิทธิตามกฎหมาย
หลักการรับช่วงสิทธิมีการใช้ ดังนี้
ั
ี
ั
1. ในการประกนวินาศภัย เช่น การประกนภัยรถยนต์ภาคสมัครใจ มการบัญญัติไว้ในประมวลกฎหมาย
์
ิ
่
ุ
แพงและพาณชย มาตรา 880 วรรคแรกว่า “ถ้าความวินาศนั้นได้เกิดขึ้นเพราะการกระทำของบคคลภายนอกไซร้
ผู้รับประกันภัยได้ใช้ค่าสินไหมทดแทนไปเป็นจำนวนเพียงใด ผู้รับประกันภัยย่อมเข้ารับช่วงสิทธิของ
ผู้เอาประกันภัยและของผู้รับประโยชน์ซงมีต่อบุคคลภายนอกเพยงนั้น” เช่น นาย ค. ได้เอาประกันภัยรถยนตภาค
์
่
ี
ึ
ั
สมัครใจประเภท 3+ ไว้กับบริษัทประกนภัย C โดยคุ้มครองความเสียหายต่อรถยนต์ที่เอาประกันภัย เนื่องจากการ
้
้
ชนกับยานพาหนะทางบกดวยกนเท่านั้นในวงเงิน 100,000 บาท หากรถของ นาย ค. ถกรถของ นาย ง. ชนไดรับ
ั
ู
่
ความเสยหายเป็นเงิน 120,000 บาท เมื่อบริษัทประกันภัย C ได้ชดใช้คาสนไหมทดแทนให้แก่นาย ค. เต็มวงเงิน
ิ
ี
ื่
100,000 บาทแล้ว บริษัทประกันภัย C ก็สามารถรับช่วงสิทธิจาก นาย ค. เพอที่จะไปเรียกร้องค่าเสียหายคืนจาก
นาย ง. ได้ในวงเงิน 100,000 บาทเท่านั้น
รูปภาพที่ 5-1 การรับช่วงสิทธิของผู้รับประกันภัย
ิ
ประมวลกฎหมายแพงและพาณชย์ มาตรา 880 วรรคสอง ได้บัญญัติต่อไปว่า “ถ้าผู้รับประกันภัยได้ใช้
่
่
ี
ค่าสินไหมทดแทนไปแตเพยงบางสวนไซร้ ท่านห้ามมิให้ผู้รับประกันภัยนั้นใช้สิทธิของตนให้เสื่อมเสียสิทธิของ
่
ี
วัตถุประสงค์ของหลักการรับช่วงสิทธิม 2 ประการ คือ ผู้เอาประกันภัย หรือผู้รับประโยชน์ ในการที่เขาจะเรียกร้องเอาค่าสินไหมทดแทนจากบคคลภายนอกเพอเศษแห่ง
ุ
ื่
1. เพอป้องกันไม่ให้ผู้เอาประกันภัยได้รับชดใช้เกินจากความเสียหายที่ตนได้รับ ถ้าไม่มหลักการรับช่วงสิทธิ จำนวนวินาศนั้น” คำว่า “เสื่อมเสียสิทธิ” ในที่นี้เป็นการที่กฎหมายบัญญัติให้ผู้รับประกันภัยต้องไม่ทำให้
ี
ื่
ี
นี้ อาจจะทำให้เกิดภาวะภัยทางศลธรรมของผู้เอาประกนภัย โดยการไปเรียกร้องค่าเสียหายจากคู่กรณีซึ่งเป็น ผู้เอาประกนภัยเสียสิทธิในการไปเรียกร้องค่าสินไหมทดแทนจากผู้ก่อความเสยหายหากความเสียหายที่เกิดขึ้นนั้น
ั
ั
ี
้
ผู้ที่มาทำความเสียหายต่อผู้เอาประกันภัย หลังจากนั้น ก็มาเรียกร้องค่าสินไหมทดแทนจากบริษัทประกันภัยที่ตนได ผู้รับประกนภัยยังชดใช้ให้ผู้เอาประกันภัยไม่เต็มตามความเสียหายที่เกิดขึ้น จากตัวอย่างข้างต้น เนื่องจาก นาย ค. มี
ั
เอาประกันภัยไว้อีก ความเสียหาย 120,000 บาท แต่ได้รับชดใช้จากบริษัทประกนภัย C 100,000 บาทเต็มตามวงเงินที่ได้เอาประกันภัย
ั
2. เพื่อให้เกิดความมนใจว่า บุคคลภายนอกซงเป็นผู้ที่มาทำความเสียหายต่อผู้เอาประกันภัยต้องรับผิดชอบ ไว้ บรษทประกนภัย C จะมีสิทธิไปเรียกร้องค่าสินไหมทดแทนคืนจาก นาย ง. ได 100,000 บาทตามที่ตนจ่ายไป
ึ่
ั่
ั
้
ิ
ั
้
ต่อการกระทำละเมิดของเขา ถึงแมว่าผู้เอาประกันภัยจะได้รับชดใช้จากผู้รับประกันภัยแล้วก็ตาม ส่วนนาย ค. กมีสิทธิไปเรียกร้องค่าสินไหมทดแทนจาก นาย ง. ได้ 20,000 บาท บริษัทประกันภัย C ไมสามารถรับ
่
็
อยางไรก็ตาม วินาศภัยที่อยู่ในความรับผิดต้องชดใช้ค่าสินไหมทดแทนตามสัญญาประกันภัยนั้น มีทั้งกรณีที่ ช่วงสทธิไปเรียกร้องเตมตามความเสียหาย 120,000 บาท หากทำเช่นนั้น นาย ค.จะเสียสิทธิไป 20,000 บาท
่
ิ
็
ั
เกิดขึ้นจากการกระทำของมนุษย์ เช่น คู่กรณีขับมาเฉี่ยวชนรถของผู้เอาประกนภัย และกรณีที่เกิดขึ้นนอกเหนือจาก
ิ
์
ิ
ลขสทธของสมาคมประกนวนาศภยไทย หามนาไปใช้ในการแสวงหากําไรทางการคา ้
ิ
้
ํ
ั
ั
ิ