Page 24 - InsuranceJournal147
P. 24
วิชาการ IPRB
จากรูปข้างต้น จะเห็นได้ว่ากรมธรรม์ประกันภัย พ.ร.บ. ของรถบาง และไม่สอดคล้องกับหลักการการประกันภัยภาคบังคับ ดังน ี ้
ั
ื
�
�
ประเภทน้นมีต้นทุนความเสียหายในระดับตา และยังคงมีกาไรหากหัก • ประกันภัยภาคบังคับต้องดารงอยู่เพ่อมอบความคุ้มครองต่อสังคม
�
่
�
ื
ื
ั
ค่าใช้จ่าย แต่ขณะท่กรมธรรม์ของรถอีกบางประเภทน้นไม่เพียงพอ เน่องจากประชาชนเจ้าของรถจาเป็นต้องซ้อ และบริษัทประกันภัยไม่ม ี
ี
แม้แต่จะรองรับต้นทุนความเสียหายจากการประกันภัย โดยท่ยังไม่รวม สิทธ์ปฏิเสธการรับประกันภัยภาคบังคับ ดังน้นเบ้ยประกันภัยท่สูงเกิน
ี
ี
ิ
ี
ั
ี
ื
ี
ื
�
�
ี
ค่าใช้จ่ายท่เก่ยวข้องอ่น ๆ ในการรับประกันภัยและบริหารจัดการกรมธรรม์ ควรจะลิดรอนอานาจซ้อของประชาชน และเบ้ยประกันภัยท่ตาเกินควร
่
ี
ี
�
อันแสดงให้เห็นถึงเบ้ยประกันภัยในปัจจุบันน้นยังไม่สะท้อนความเส่ยง จะเป็นสาเหตุให้บริษัทประกันภัยไม่สามารถดาเนินธุรกิจต่อไปได้ อัตรา
ั
ี
ี
้
�
�
ื
ี
่
ี
ึ
ี
่
ั
�
ด้านการรับประกันภัยได้เท่าท่ควร ซ่งยังไม่สอดคล้องกับหลักการกาหนด เบยทเหมาะสมจงเป็นปัจจยหลกทจาเป็นต่อความยงยนในการดารงอย่ ู
ึ
ั
ั
่
ี
เบ้ยประกันภัย ดังน ้ ี ของประกันภัยภาคบังคับ
�
ี
ั
ี
• เบ้ยประกันภัยจะต้องเพียงพอท่จะชดเชยค่าความเสียหายท่คาดว่า • ประกนภยภาคบงคบไม่ควรสร้างกาไรทเหลอเฟือต่อภาคธรกจ
ี
ุ
ิ
่
ี
ื
ั
ั
ั
ี
ื
�
ี
ี
ึ
จะเกิดข้นและค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ท่เก่ยวข้องกับการประกันภัยประเภทน้น ๆ กล่าวคือเบ้ยประกันภัยควรกาหนดโดยอยู่บนพ้นฐานของระดับก�าไร
ั
ี
ี
ี
• เบ้ยประกันภัยจะต้องมีความยุติธรรม กล่าวคือผู้ท่เส่ยงภัยสูงควร ท่น้อยหรือเท่าทุน
ี
่
ี
�
่
�
เสียเบ้ยประกันภัยสูง ผู้ท่เส่ยงภัยตาควรเสียเบ้ยประกันภัยตา
ี
ี
ี
�
• เบี้ยประกันภัยไม่ควรสูงเกินไปจนทาให้บริษัทประกันภัยมีกาไร
�
ื
เกินควรและเกินอานาจซ้อของผู้เอาประกันภัย
�
ี
ั
�
ี
ั
่
ี
4 ไม่มการกาหนดเกยวกบช่วงเวลา วิธการ หลกเกณฑ์และ
ั
ี
ู
่
ุ
ั
ผ้รบผดชอบทชัดเจนในการทบทวนระดบความค้มครอง
ิ
ี
่
และเบยประกนภยทเหมาะสม
ั
ี
้
ั
ึ
ื
ี
ื
ปัจจุบัน การทบทวนอัตราเบ้ยประกันภัย อัตราค่านายหน้าและ ส่วนหน่งของรถประเภทอ่น ๆ เพ่อสงเคราะห์ต้นทุนประกันภัย พ.ร.บ.
ั
ื
้
�
ระดับความคุ้มครองสาหรับประกันภัย พ.ร.บ. น้น ยังไม่มีกรอบเวลา ของรถจกรยานยนต์ หรอการใช้เบยประกนภยรถยนต์ภาคสมครใจมา
ั
ี
ั
ั
ั
ื
ี
ี
ี
ี
หลักเกณฑ์ และท่มาท่ไปท่แน่ชัดว่ากาหนดด้วยวิธีการและเหตุผลอย่างไร เพ่อถัวเฉล่ยการขาดทุนจากประกันภัย พ.ร.บ. เป็นต้น
�
ึ
ซ่งไม่เพียงแต่ทาให้ระดับและประเภทความคุ้มครองไม่สะท้อนตามสภาพ
�
ี
เศรษฐกิจท่เปล่ยนแปลงไปตามกาลเวลาอย่างเหมาะสมและเป็นระบบ ยัง
ี
ท�าให้เบี้ยประกันภัยไม่สะท้อนระดับต้นทุนและค่าใช้จ่ายที่เปลี่ยนแปลงไป
ตามความเส่ยงของการประกันภัย ระดับความคุ้มครองและอัตราเงินเฟ้อ
ี
ี
ระบบประกันภัย พ.ร.บ. ในปัจจุบันจึงเสมือนระบบท่ถูกปิดผนึกไว้ โดย
ึ
ขาดซ่งการวิเคราะห์และการตัดสินใจด้วยหลักการการประกันภัยและ
หลักฐานทางสถิต ิ
หากความคุ้มครองไม่มีการปรับอย่างทันท่วงทีให้อยู่ในระดับท ี ่
ึ
เหมาะสม ประชาชนผู้เอาประกันภัยซ่งไม่มีอานาจในการเลือกระดับ
�
ความคุ้มครองของประกันภัย พ.ร.บ. จะมิได้รับการชดเชยท่เหมาะสม
ี
ี
ี
ตามระดับค่ารักษาพยาบาลท่แท้จริง หรือค่าชดเชยท่สมเหตุสมผลต่อ
ผ้เสยชวต อนจะเป็นการเสรมสร้างภาระทางการเงนให้แก่ผ้ละเมด
ู
ิ
ี
ั
ิ
ู
ิ
ิ
ี
ผู้ประสบภัยและทายาทอย่างหลีกเล่ยงไม่ได้
ี
ี
ี
หากเบ้ยประกันภัยไม่มีการปรับอย่างทันท่วงทีให้อยู่ในระดับท่เหมาะสม
ั
ึ
�
�
ี
บริษัทประกันภัยซ่งไม่มีอานาจในกาหนดอัตราเบ้ยประกันภัยน้น ก็อาจ
จ่ายค่านายหน้าที่สูงเกินควรส�าหรับประกันภัยที่ยังมีก�าไรอยู่ เพื่อให้บริษัท
ได้รับกรมธรรม์มาในปริมาณมาก อันเป็นการเอาเปรียบผู้บริโภคและ
�
เสริมสร้างความเคยชินที่ไม่ถูกต้องในการทาธุรกิจ หรือบริษัทประกันภัยอาจ
ี
�
ี
จาเป็นต้องยอมรับภาระขาดทุนต่อประกันภัยท่เบ้ยประกันภัยไม่เพียงพอ
ี
�
นาไปสู่วิธีแก้ปัญหาท่ไม่ได้แก้ตรงสาเหตุ เช่น การใช้เบ้ยประกันภัย พ.ร.บ.
ี
24 วารสารประกันภัย ฉบับที่ 147