Page 50 - InsuranceHandbook
P. 50
บทที่ 3 การประกันภัย 31
ี
ั
เช่น นาย ก. สามารถทจะเอาประกนอคคีภัยบ้านของเขาได้ ทั้งนี้เพราะ นาย ก. จะเปนผประสบ 10. การประกันภัย และการพนัน (Insurance and Gambling)
่
้
ู
ั
็
ความเดือดร้อนทางการเงินถ้าหากมีไฟไหมขึ้นที่บ้านของเขา แต่ นาย ก. ไม่สามารถจะเอาประกันอัคคีภัยบ้านเพื่อน การประกนภัย และการพนันมีลักษณะบางอย่างที่คล้ายคลึงกัน และบางอย่างที่แตกต่างกัน โดยส่วนที่
้
ั
ของเขาเพราะ นาย ก. จะไม่ประสบความเดือดร้อนทางการเงินใด ๆ แม้ว่าจะมีอัคคีภัยเผาผลาญบ้านเพื่อนของเขา คล้ายคลึงกัน คือ เป็นการเสี่ยงโชค หรือการเสี่ยงภัย และเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนั้นจะต้องเปนเหตการณในอนาคต
ุ
์
็
8. เบี้ยประกันภัยที่คิดโดยผู้รับประกันภัยต้องสมเหตุสมผล (The premium charged by the Insurer ส่วนที่แตกต่างกันมีดังต่อไปนี้
must be reasonable)
ผู้เอาประกันภัยต้องสามารถจ่ายค่าเบี้ยประกันภัยได้ โดยมอัตราเบี้ยประกันภัยที่ไม่สูงจนเกินไป ตารางที่ 3–1 เปรียบเทียบลักษณะของการประกันภัย และการพนัน
ี
่
ขณะเดียวกัน ก็เป็นอตราเบี้ยประกันภัยที่เพยงพอให้ผู้รับประกันภัยสามารถจ่ายค่าสินไหมทดแทน คาใช้จ่ายใน
ั
ี
การขาย ค่าใช้จ่ายในการดำเนินงาน และยังมีเหลือเป็นกำไรจากการดำเนินงานบ้าง การประกันภัย การพนัน
1. เกี่ยวข้องกับความเสี่ยงแท้จริง 1. เกี่ยวข้องกับความเสี่ยงเก็งกำไร
9. ลักษณะสำคัญของความเสี่ยงที่ปกติไม่สามารถจะเอาประกันภัยได้ 2. ความเสี่ยงไม่จำเป็นต้องเกิดขึ้น 2. ความเสี่ยงเกิดขึ้นแน่นอน
มีความเสี่ยงบางประเภทซึ่งปกติไม่สามารถรับประกันภัยโดยผู้รับประกันภัยทั่วไป เช่น 3. พยายามลดความเสี่ยงที่มีอยู่ในขณะนั้นซึ่งไม่อยู่ใน 3. ก่อให้เกิดความเสี่ยงซึ่งไม่มีอยู่เดิม
1. ความเสี่ยงทางการตลาด (Market Risk) เช่น การเปลี่ยนแปลงในรสนิยมของผู้บริโภค ฯลฯ วิสัยที่จะหลีกเลี่ยงได้
ู
์
ั
2. ความเสี่ยงทางการเงิน (Financial Risk) เช่น ความสญเสียที่อาจขาดทนจากการลงทนในหลกทรัพย ฯลฯ 4. ผู้เอาประกันภัยต้องมีส่วนได้เสียในวัตถุที่เอา 4. ผู้เข้าร่วมพนันไม่จำเป็นต้องมีส่วนไดเสียในวัตถุ หรือ
ุ
ุ
้
3. ความเสี่ยงในการผลิต (Production Risk) เช่น การใช้ระบบการผลิตที่ล้าสมัยทำให้เสียเปรียบคู่แข่งขัน ประกันภัย เหตุที่เอาพนัน
ที่ใช้ระบบหุ่นยนต์ซึ่งเพิ่มประสิทธิภาพ และลดต้นทุนการผลิตด้วย ฯลฯ 5. ผู้เอาประกันภัย และผู้รับประกันภัยต้องอาศัยความ 5. ผู้เข้าร่วมพนันไม่จำเป็นต้องซื่อสัตย์สุจริตต่อกัน
ื
4. ความเสี่ยงทางการเมือง (Political Risk) เช่น ภัยสงคราม สงครามกลางเมอง การก่อวินาศกรรม และ สุจริตอย่างยิ่งต่อกัน
การก่อการร้าย ฯลฯ 6. มีผลบังคับตามกฎหมาย 6. ถือเป็นสิ่งที่ผิดกฎหมาย
7. เป็นภัยที่ก่อให้เกิดเหตุการณ์ที่ไม่พึงประสงค์จะให้ 7. เป็นการจงใจสร้างสถานการณ์ให้เกิดขึ้น
การที่ผู้รับประกันภัยทั่วไปไม่สามารถจะรับประกันภัยความเสี่ยงเหล่านี้ได้เพราะ เกิดขึ้น
ี
่
ึ
1. เป็นความเสี่ยงที่มลักษณะของการเก็งกำไร ซงทำให้มีโอกาสที่อาจจะได้รับกำไรจากความเสี่ยงนั้นได้ 8. เมื่อผู้เอาประกันภัยได้ชำระเงินค่าเบี้ยประกันภัยแล้ว 8. ไม่สามารถทราบล่วงหน้าได้เลยว่าใครจะได้กำไร หรือ
2. เป็นความเสี่ยงที่มโอกาสจะเกิดมหนตภัย (Catastrophic Loss) ได้มาก โดยเฉพาะยิ่งภัยสงคราม ย่อมเป็นที่ทราบแน่ชัดว่าเมื่อเกิดวินาศภัยขึ้น ผู้เอา ขาดทุนจนกว่าจะมีผู้เล่นพนันชนะ หรือแพ ้
ี
ั
ื
ี
ภัยจากอาวุธนิวเคลียร์ ซึ่งอาจจะทำลายเมืองทั้งเมือง หรือมีคนเป็นจำนวนมากได้รับบาดเจ็บ หรอเสยชีวิตจาก ประกนภัยจะได้รับการชดใช้ค่าเสยหายจากผู้รับ
ั
ี
ี
ั
การสู้รบกน เนื่องจากมความเสียหายเกิดขึ้นในวงกว้าง ส่งผลให้ผู้เอาประกันภัยจำนวนมากได้รับความสูญเสีย ประกันภัย
ในคราวเดียวกัน ซึ่งผู้รับประกันภัยแต่ละรายอาจไมสามารถชดใช้ค่าเสียหายได้หมด และอาจส่งผลให้ 9. เป็นการชดใช้ค่าสินไหมทดแทนตามความเสียหายที่ 9. เป็นการจ่ายเงินกำไรเมื่อมผู้เล่นพนันชนะตามเงื่อนไข
่
ี
ผู้รับประกันภัยล้มละลายด้วย เกิดขึ้นจริง ทำให้ผู้เอาประกันภัยไม่ได้รับกำไรจากการ ที่ตกลงกันไว้ จึงทำให้มีทั้งผู้ที่ชนะ และผู้ที่แพ้การพนัน
3. เป็นความเสี่ยงที่ไม่สามารถคำนวณความน่าจะเป็นของการเกิดความเสียหายได้อย่างแม่นยำ และทำให้ เอาประกันภัยแต่อย่างใด
ยากต่อการคำนวณเบี้ยประกันภัยที่เหมาะสมสำหรับความเสี่ยงเหล่านั้น 10. เป็นการชดใช้ค่าสินไหมทดแทนให้กับผู้มีส่วนได้เสีย 10. เป็นการจ่ายเงินให้กับผู้เล่นพนันชนะ
ั
่
4. เป็นความเสี่ยงที่ขาดสถิติ ทำให้ไม่มีข้อมูลเพยงพอที่จะใช้ในการคำนวณเบี้ยประกนภัยทเหมาะสม ในขณะเกิดวินาศภัยเท่านั้น ถ้าในกรณีที่ผู้เอาประกนภัย
ี
ี
ั
ความเสี่ยงที่ไม่อาจคำนวณจากข้อมลในทางสถิติ จึงไม่สามารถเอาประกันภัยได้ ไม่มีส่วนได้เสียในวัตถุที่เอาประกันภัย แม้จะเป็น
ู
5. เป็นความเสี่ยงที่ไม่มีสิทธิส่วนได้เสียในสิ่งที่เอาประกันภัย ถ้าผู้เอาประกันภัยไม่มีส่วนได้เสียในสิ่งที่ คู่สัญญาในการประกันภัยที่มีผลบังคับตามกฎหมายก็ไม ่
ั
เอาประกันภัย เขาจะไม่ได้รับความสูญเสียจากการเกิดวินาศภัยนนแต่อยางใด เช่น นาย ก. ไม่ได้เป็นเจ้าของ หรือ มีสิทธิ์ได้รับค่าสินไหมทดแทน
่
้
เป็นเจ้าหนี้ในบ้านที่เอาประกันอัคคีภัย ทำให้ไม่มีความเดือดร้อนทางการเงินใด ๆ ในกรณีที่บ้านหลังนั้นถูกไฟไหม้
เสียหาย นาย ก. จึงไมมสิทธิ์เอาประกันภัยในบ้านหลังนั้นได้ 11. ประโยชน์ของการประกันภัย
่
ี
ี
ั
6. เป็นความเสี่ยงที่ขัดต่อกฎหมาย ศีลธรรมอนด หรือผลประโยชน์ของสาธารณะ เช่น ผู้ขับขี่ยานพาหนะ 11.1 ด้านผู้เอาประกันภัย
่
ั
ไมสามารถเอาประกนภัยค่าปรับเมื่อกระทำผิดกฎจราจร เพราะจะทำใหคนที่ควรได้รับโทษไม่ต้องไดรับโทษ ทำให้ 1. ช่วยลดความกงวลใจ บคคลทั่วไปมักมีความวิตกกังวลต่อการที่ทรัพย์สินของเขาจะเสยหายจาก
้
้
ั
ุ
ี
ไม่หลาบจำ ภัยบางอย่าง เช่น บ้านที่ผ่อนมาหลายปอาจถูกไฟไหม้หมดในชั่วพริบตา แต่เมื่อได้เอาประกันอคคีภัยแล้ว ก็จะลด
ั
ี
่
อยางไรกตาม ในปัจจุบันนี้มีผู้รับประกันภัยบางรายที่อยู่ในลอยด์แห่งลอนดอน (Lloyd’s of London) ซึ่ง ความกังวลใจได้ เพราะมั่นใจว่าจะได้รับการชดใช้ค่าสนไหมทดแทนจากผู้รับประกันภัยในกรณีที่บ้านของเขาถูก
็
ิ
ั
เป็นผู้รับประกันภัยที่มความชำนาญเฉพาะดาน (Specialized Insurer) เริ่มเข้ามารับประกนภัยความเสี่ยง ไฟไหม้เสียหาย ถ้าปราศจากการประกันภัยแล้ว ผประสบภัยอาจจะสิ้นเนื้อประดาตัว และเงินออมที่สะสมมาตลอด
้
ี
้
ู
ทางการเมือง ซงเรียกว่าการประกันภัยความไม่สงบทางการเมือง (Political Violence Insurance)
ึ
่
ชีวิตก็อาจหมดไปภายในเวลาอันสั้น
ิ
ลขสทธของสมาคมประกนวนาศภยไทย หามนาไปใช้ในการแสวงหากําไรทางการคา ้
์
ิ
ิ
้
ั
ํ
ั
ิ