Page 67 - InsuranceHandbook
P. 67
48 คู่มือประกันวินาศภัยไทย
Thai General Insurance Handbook
ื่
เอาประกันภัย หรือสถานที่ที่ระบุเอาประกันภัยในตารางกรมธรรม์ยังคงใช้เพอการอยู่อาศัยต่อไป ทั้งนี้ บริษัทจะคืน
ั
้
เบี้ยประกันภัยตามตารางอัตราเบ้ยประกนภัยระยะสน” นอกจากนั้น ท้ายเงื่อนไขข้อ 6.13 ยังระบุว่า “เงื่อนไขข้อ
ั
ี
6.13 นี้ จะไม่นำมาบังคับใช้ หากผู้เอาประกันภัยได้แจ้งให้บริษัททราบและตกลงยินยอมรับประกันภัยต่อไป โดยได ้
ออกใบสลักหลังกรมธรรม์ไว้เป็นหลักฐานแล้ว”
จากตัวอย่างข้างต้นหาก นาย ข. ต้องการจะใช้บ้านที่ซื้อมาจาก นาย ก. เพอการอยู่อาศัย และ นาย ก.
่
ื
ต้องการให้ นาย ข. ซึ่งจะเป็นเจ้าของใหม่ในบ้านหลังนี้ ได้รับความคุ้มครองตามกรมธรรม์ประกันอคคีภัยสำหรับที่
ั
่
อยู่อาศัยที่เขาได้ทำไว้ต่อไป นาย ก. ในฐานะผู้เอาประกันภัยจะต้องแจ้งบริษัท ซอสัตย์ประกันภัย จำกด (มหาชน)
ื
ั
่
ี
ในฐานะผู้รับประกันภัยทราบก่อนที่จะไปทำการจดทะเบยนโอนกรรมสิทธิ์บ้านและที่ดินนี้ให้แก่ นาย ข. เพือ
ดำเนินการออกใบสลักหลังกรมธรรม์ประกันภัย เป็นหลักฐานบันทึกการเปลี่ยนชื่อผู้เอาประกันภัยจาก นาย ก. เป็น
นาย ข. โดยให้มีผลบังคับตั้งแต่วันที่จดทะเบียนโอนกรรมสิทธิ์เป็นต้นไป
ั
ตัวอย่างที่ 2 นาย ช. ไดขายรถยนตทเอาประกนภัยรถยนต์ภาคสมครใจประเภท 1 รวมการค้มครอง
ั
ุ
่
์
้
ี
้
ั
ผประสบภัยจากรถใหแก่ นาย ส. ซึ่งต้องการซื้อรถยนต์คันนี้ ไปใช้รับสงครอบครวของเขา เมื่อ นาย ช. ได้จด
ู
้
่
์
ทะเบียนโอนกรรมสิทธิ์รถยนต์คันนี้ให้ นาย ส. แล้ว ถือว่าสิทธิส่วนได้เสียของ นาย ช. ในรถยนตคันนี้สิ้นสุดลง ณ
วัน เวลา ที่มีการจดทะเบียนโอนกรรมสิทธิ์ ส่วน นาย ส. จะมีสิทธิส่วนได้เสียในรถยนต์คันนี้ตั้งแต่วัน เวลาที่ นาย ส.
ได้มีการจดทะเบียนรับโอนกรรมสิทธิ์มาจาก นาย ช.
ั่
อย่างไรก็ตาม กรมธรรม์ประกันภัยรถยนต์ รวมการคุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ ระบุในหมวดเงื่อนไขทวไป
์
ข้อ 9 การโอนรถยนตไว้ดังนี้ “เมื่อผู้เอาประกันภัยได้โอนรถให้แก่ผู้อน ให้ถือว่าผู้รับโอนเป็นผู้เอาประกนภัย
ื่
ั
์
ตามกรมธรรมประกันภัยนี้ และบริษัทต้องรับผิดตามกรมธรรม์ประกันภัยต่อไปตลอดอายุกรมธรรม์ประกันภัยที่
เหลืออยู่ อย่างไรก็ตาม ในกรณีที่ทำประกันภัยประเภทระบุชื่อผู้ขับขี่ ผู้เอาประกันภัยจะต้องแจ้งการเปลยนแปลง
ี
่
ผู้ขับขี่ให้บริษัททราบเพื่อจะได้มีการปรับปรุงอัตราเบี้ยประกันภัยตามสภาพความเสี่ยงภัยที่เปลี่ยนแปลงไป มิฉะนั้น
ั
ผู้เอาประกันภัยอาจจะต้องรบผดชอบในความเสียหายสวนแรกเองตามเงื่อนไขความคุ้มครองที่ปรากฎใน
่
ิ
ั
กรมธรรม์ประกนภัยนี้
สำหรับกรมธรรม์ประกันภัยรถยนต์ที่มีความคุ้มครองความเสียหายต่อรถยนต์ และผู้เอาประกันภัยได้ขาย
ั
์
รถยนต์ให้แก่ผู้มีอาชีพรับซื้อขายรถยนต์ หรอให้เช่ารถยนต์ หรือซ่อมแซมรถยนต หรือบำรุงรกษารถยนต์ ไม่ว่า
ื
การขายนั้นจะได้มีการทำเป็นหนังสือ หรือมีการจดทะเบียนโอนทางทะเบียนหรือไม่ก็ตาม กรมธรรม์ประกันภัยนี้จะ
สิ้นสุดความคุ้มครองนับแต่ วัน เวลาที่มีการขายรถยนต บรษทจะคนเบี้ยประกันภัยให้แก่ผู้เอาประกันภัยโดยหก
ิ
ื
ั
์
ั
เบี้ยประกันภัยสำหรับระยะเวลาที่กรมธรรม์ประกันภัยได้ใช้บังคับมาแล้วออกตามส่วน ภายใน 15 วันนับแต่วันที่
ึ
ู
้
ั
์
บริษัทได้รับแจ้งการขายจากผเอาประกันภัย หรือกรณีที่บริษัททราบถงการขายรถยนตดงกล่าว บริษัทจะแจ้งการ
ั
สิ้นสุดความคุ้มครองพร้อมคืนเบี้ยประกนภัย โดยการส่งหนังสือถึงผู้เอาประกนภัยตามที่อยู่ครั้งสุดท้ายที่แจ้งให้
ั
บริษัททราบ”
ตามเงื่อนไขทั่วไปข้อ 9 วรรคแรก เมื่อ นาย ช. ในฐานะผู้เอาประกันภัยได้ขายรถยนต์ที่เอาประกันภัย
ใหแก นาย ส. และได้ดำเนินการจดทะเบยนโอนกรรมสิทธิ์ในรถคันนี้ให้แก่ นาย ส. ในฐานะผู้รับโอนจะเป็น
้
่
ี
ุ
์
ผู้เอาประกันภัยที่ได้รับความค้มครองตามกรมธรรม์ประกันภัยนี้ต่อไปตลอดอายุกรมธรรมประกนภัยที่เหลืออยู่โดย
ั
ื่
ี
อตโนมัติ แต่เพอให้ผู้รับประกันภัยมข้อมูลล่าสุด นาย ส. ควรจะนำหลกฐานการรับโอนกรรมสิทธิ์รถคันนี้ไปแจ้งให้
ั
ั
ั
บริษัทประกนภัยทราบเพ่อออกใบสลักหลังบันทึกการเปลี่ยนแปลงชื่อผู้เอาประกนภัยจาก นาย ช. เปน นาย ส.
็
ั
ื
ต่อไป
่
อย่างไรก็ตาม หาก นาย ช. ขายรถยนต์ที่เอาประกันภัยให้แกผู้มีอาชีพรับซื้อขายรถยนต์ เช่น เต็นท์ที่รับซื้อ
ุ
ขายรถ ตามเงื่อนไขทั่วไปข้อ 9 วรรคสอง ความค้มครองตามกรมธรรม์ประกันภัยนี้จะสิ้นสุดนับแต่ วัน เวลา ที่
นาย ช. ขายรถยนต์ให้แก่ผู้ซื้อนั้น
์
ิ
ิ
ลขสทธของสมาคมประกนวนาศภยไทย หามนาไปใช้ในการแสวงหากําไรทางการคา ้
ิ
้
ํ
ั
ั
ิ